กรุงเทพฯ 10 พ.ย.- เงินบาทอ่อนค่า33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯด้านตลาดหุ้นไทยย่อตัวนักลงทุนจับตามองปัจจัยต่างประเทศ
บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์นี้(5-9 พ.ย.)ว่า เงินบาทกลับมาอ่อนค่ากว่าระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ อีกครั้ง เงินบาทแกว่งตัวในช่วงต้นสัปดาห์รอผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ก่อนจะขยับแข็งค่าขึ้นท่ามกลางแรงกดดันของเงินดอลลาร์ฯ หลังผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ สิ้นสุดลงด้วยการครองเสียงข้างมากในแต่ละสภาของทั้ง 2 พรรค โดยเดโมแครตกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง ขณะที่ รีพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภา อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวกลับมาแข็งค่าขึ้นหลังผลการประชุมเฟดแม้เฟดจะยืนดอกเบี้ยไว้ตามเดิม เนื่องจากสัญญาณจากเฟดยังคงย้ำถึงการคุมเข้มนโยบายการเงินต่อเนื่องในระยะใกล้ๆนี้ โดยเฉพาะการประชุมเฟดเดือนธ.ค. ในวันศุกร์ (9 พ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 33.02 เทียบกับระดับ 32.79 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (2 พ.ย.)
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (12-16 พ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.80-33.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของตลาดในประเทศน่าจะอยู่ที่สัญญาณนโยบายการเงินของกนง. (14 พ.ย.) ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคานำเข้า-ส่งออก ยอดค้าปลีก และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ผลการสำรวจกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนพ.ย. และตัวเลขเงินทุนไหลเข้าสุทธิเดือนก.ย. นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟด (14 พ.ย.) และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด รวมถึงความคืบหน้าของประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2561 ของญี่ปุ่น และประเทศสมาชิกยูโรโซน อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซน และข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนต.ค. ของจีน
ส่วนสรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้(5-9 พ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงจากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับที่ 1,668.52 จุด ลดลง 0.79% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 12.02% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 42,369.66 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ลดลง 1.59% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 418.86 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนตลอดสัปดาห์ โดยตลาดหุ้นไทยย่อตัวลงในช่วงต้นสัปดาห์ ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาได้ในช่วงกลางสัปดาห์ จากแรงหนุนของผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ที่ออกมาตามคาดการณ์ของตลาด ขานรับมุมมองที่ว่า การดำเนินงานของปธน. ทรัมป์จะได้รับการตรวจสอบมากขึ้น อย่างไรก็ดี ดัชนี SET ร่วงลงอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ หลังเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบหน้า และการปรับตัวลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (12-16 พ.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,650 และ 1,640 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,680 และ 1,690 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ การประชุมกนง. (14 พ.ย.) และถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ตลอดจนถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดระดับสูง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. และดัชนีการผลิตของเฟดฟิลาเดลเฟียเดือนพ.ย. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/61 ของยูโรโซน และญี่ปุ่น รวมถึงยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ของจีน-สำนักข่าวไทย