สโมสรค้าน! ปรับเพิ่มโควตานักเตะต่างชาติ ฟุตบอลไทยลีก 2019

กทม. 5 พ.ย.-ทุกปีฟุตบอลไทยลีก ลีกสูงสุดของไทยเมื่อจะเริ่มฤดูกาลใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ก็จะต้องมีปรับเปลี่ยน แก้ไข กฎเกณฑ์ต่าง ๆ และแจ้งให้กับสมาชิกรับทราบ ซึ่งฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ มีการปรับเปลี่ยนโควตาผู้เล่นต่างชาติ


ไปดูของเดิมกันก่อน ปี 2018 ที่ผ่านมา การใช้โควตา แต่ละทีมส่งลงทะเบียนรายชื่อได้ไม่เกิน 35 คน ส่งชื่อนักฟุตบอลต่างชาติได้ 5 คน แบ่งเป็น นอกเอเชีย 3 คน เอเชีย 1 คน  อาเซียน 1 คน วันแข่งขัน ส่งลงสนามผู้เล่นต่างชาติชาติใดก็ได้  3 คน 1 เอเชีย หรือ 1 อาเซียน คือ รวมนักเตะต่างชาติอยู่ในสนามได้แค่ 4 คน 

ส่วนปี 2019 ที่จะเปิดฤดูกาลในปีหน้า แต่ละทีมส่งรายชื่อได้ไม่เกิน 35 คน ลงทะเบียนสามารถใส่ชื่อนักเตะสัญชาติอาเซียนได้ไม่จำกัดโควตา ส่วนการลงสนาม นักเตะต่างชาติลงสนามได้ไม่เกิน 7 คน  แบ่งเป็นเอเชีย 1 คน อาเซียน 3 คน และชาติอื่นๆ 3 คนรวมรายชื่อผู้เล่นสำรองด้วย เท่ากับเพิ่มโควต้านักเตะต่างชาติมาลงสนามเพิ่มได้อีก 3 คน ถ้าใช้แบบเต็มจำนวนจริง ๆ นักเตะไทยจะลงสนามแค่ 4 คนเท่านั้น ส่วนอีก 7 จะเป็นนักเตะต่างชาติ


เบนจามิน ตัน รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด ชี้แจงถึงนโยบายโควตานักเตะอาเซียน ที่จะใช้ใน โตโยต้า ไทยลีก ฤดูกาล 2019 ว่า โควตาดังกล่าวมิได้บังคับให้สโมสร ลงทะเบียนนักเตะต่างชาติ เอเชีย หรืออาเซียน ตามจำนวนที่กำหนด หากแต่เป็นการช่วยสนับสนุนสโมสร ที่ต้องการขยายฐานแฟนบอลไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนโยบายนี้ถือเป็นการพัฒนาเชิงรุกของไทยลีก เพื่อสร้างโอกาสที่จะเพิ่มมูลค่า รวมถึงลิขสิทธิ์การแพร่ภาพ ที่จะนำมาต่อยอดกลับไปยังสโมสร อันได้แก่ เงินรางวัล เงินสนับสนุน และโครงการอื่นๆ ที่จะทำให้ฟุตบอลไทยพัฒนาต่อไป 

เบนจามิน ตัน กล่าวอีกว่า “เราต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางฟุตบอลแห่งอาเซียน เราภูมิใจเป็นอย่างมากที่ลีกอื่นๆ ในภูมิภาคมองไทย ลีก ว่าวิธีการบริหารงานของเราอยู่ในระดับมืออาชีพ และเมื่อไม่นานมานี้เราก็มีชื่อติด 1 ใน 10 ลีกที่ดีที่สุดในเอเชียจากเอเอฟซี” “มันเป็นการตัดสินใจที่มีการศึกษาวิจัยอย่างถี่ถ้วน นี่เป็นวิธีการดำเนินงานที่มีแบบอย่างเจลีก เพื่อพัฒนาและผลักดันลีก โดยการเซ็นนักเตะอาเซียน ซึ่งรวมถึงนักเตะไทย ไปขยายตลาดเจลีก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขามีฐานแฟนบอลมากขึ้น และได้ประชาสัมพันธ์ลีกของประเทศตัวเองไปสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” เป็นไปไม่ได้เลยที่สโมสรทั้งหมด จะสามารถยืนหยัดด้วยงบประมาณจากสปอนเซอร์ในประเทศที่มีอยู่ เพราะงบประมาณแต่ละที่ ก็ต้องสนับสนุนให้กับสโมสร ตามความเหมาะสมของการตลาด หรือแม้แต่ค่าซื้อขายนักเตะ และยอดขายบัตร” เรายังไม่ใช่สินค้าแบรนด์เนม ที่ไม่ใช่แค่ประกาศฟีเจอร์ใหม่ แล้วมีคนแห่จอง มันต้องลองในปีแรก เพื่อให้เกิดกระแสคนติดตาม อยากดูนักเตะของพวกเขา” เบนจามิน ตัน ทิ้งท้าย

ขณะที่ในฟุตบอลถ้วยอย่าง โตโยต้า ลีก คัพ และ ช้าง เอฟเอ คัพ ยังมีการอนุญาตให้นักเตะต่างชาติลงสนามได้ไม่เกิน 5 คน (ต่างชาติ 3 เอเชีย 1 และอาเซียน 1) เช่นเดียวกับ เอ็ม-150 แชมเปียนชิพ (ไทยลีก 2), ออมสิน ลีก โปร (ไทยลีก 3) และ ออมสิน ลีก (ไทยลีก 4)


นายกานต์ จันทรัตน์ ผู้จัดการทั่วไปของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดเผยถึง ประเด็นการเพิ่มโควตานักเตะอาเซียนว่า ผลงานของนักเตะเยาวชนทั้งรุ่น 16 ปี 19 ปี หรือรุ่นไหน เรายังไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเด็กของเรายังหาพื้นที่เล่นไม่ได้ ถ้าโควตาอาเซียนที่เพิ่มเข้ามา ทำให้สามารถส่งลงสนามได้อีก 3 คน มาเบียดบัง ก็ทำให้ตัวเลือกในทีมชาติน้อย ทำให้การพัฒนาเด็กก็น้อยลงไปอีก อีกทั้งการเปลื่ยนกฎครั้งนี้ ยังไม่เห็นมีการเรียกประชุม ทั้งที่ควรจะสอบถามผู้ทรงคุณวุฒิทางการกีฬาด้วย

สำหรับหลักเกณฑ์ของนักเตะสัญชาติอาเซียน ในการลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมแข่งขันรายการ โตโยต้า ไทยลีก 2019 มีดังนี้

1. เป็นนักเตะโควตาอาเซียนที่มีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลการลงทะเบียนไทยลีก 1-4 รวมถึงฟุตบอลถ้วย ณ วันที่ 20 สิงหาคม 2018 โดยนักเตะตามคุณสมบัติดังกล่าว จะต้องมีชื่อติดทีมชาติลงสนามแข่งขันไม่น้อยกว่า 3 นัด ก่อนสิ้นปี 2019 หากไม่ครบจะไม่สามารถลงทะเบียนนักเตะในโควต้าอาเซียน ฤดูกาล 2020

2. สำหรับนักเตะโควตาอาเซียนที่ขึ้นทะเบียนใหม่ ในฤดูกาล 2019 จะต้องเคยติดทีมชาติลงสนามแข่งขัน ในเกมที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (AFF), สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (AFC) หรือสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ในรุ่น U19 ขึ้นไป อย่างน้อย 3 เกม พร้อมหนังสือรับรองจากสมาคมกีฬาฟุตบอลจากแต่ละประเทศ

3.ในส่วนของโควตาการส่งชื่อลงสนามเป็นตัวจริงและตัวสำรอง ในแต่ละแมตช์ สำหรับนักเตะอาเซียน เมื่อรวมกับโควตานักเตะเอเชีย และต่างชาติแล้ว สามารถส่งชื่อ และลงสนามได้ไม่เกิน 7 คน 

4. สำหรับโควตาอาเซียนนั้น เป็นสิทธิ์ของสโมสรที่จะส่ง หรือไม่ส่ง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี

ชลบุรี 26 มิ.ย. – คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท ห้างดังกลางเมืองชลบุรี ระหว่างหนีเจอตำรวจนอกเครื่องแบบ คนร้ายยิงปืนใส่ 1 นัด โดนหมวกกันน็อก ตำรวจหลบทันแย่งปืนได้ แต่คนร้ายวิ่งหลบหนี คนร้ายชายสวมเสื้อแขนยาวสีเทาดำสวมหมวกสีชมพูใส่แมสก์ปิดบังใบหน้ากางเกงขายาว ทำทีเข้ามาซื้อทองภายในร้านทอง ในห้างสรรสินค้าย่านบ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนจะชักปืนออกมาจี้บังคับพนักงานให้หยิบ สร้อยคอทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท จำนวน 2 เส้น และหนัก 9 บาท จำนวน 2 เส้น ก่อนจะเอาทองใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหลบหนีออกจากห้าง ระหว่างหลบหนี มีตำรววิ่งไล่ติดตามคนร้าย และตำรวจนอกเครื่องแบบที่มาทำธุระเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปจับกุม แต่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สุดท้ายสามารถแย่งปืนจากคนร้ายเอาไว้ได้ พนักงานร้านทอง เล่าว่าตอนเกิดเหตุเป็นช่วงกำลังจัดร้านเพราะเพิ่งเปิดมีผู้ก่อเหตุสวมหมวกสีชมพู ใส่แมสก์ปิดบังใบหน้าเข้ามาขอดูทองหนัก 10 บาท จึงบอกให้ถอดหมวกและแมสก์ แต่พูดยังไม่ทันขาดคำผู้ก่อเหตุได้ชักปืนออกมาพร้อมกับจี้บังคับให้เอาทองหนัก 10 บาท มาให้สองเส้นและสร้อยคอหนัก 9 บาทอีกสองเส้น รวมเป็น 4 เส้น น้ำหนักรวม […]

ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone สอยร่วง 4 ลำโดรนไม่ทราบฝ่าย

กองทัพเรือ 26 มิ.ย.-ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone ตอบโต้โดรนไม่ทราบฝ่ายที่บินเหนือฐานชายแดนจันทบุรีช่วงต้นสัปดาห์ สอยร่วง 4 ลำ พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ ระบุถึงกรณี จนท.เฝ้าตรวจการณ์นาวิกโยธิน ใช้ Anti-Drone ตัดสัญญาณโดรน ไม่ทราบฝ่ายตก 4 ลำ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังจันทบุรีตราด ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า โดรนไม่ทราบฝ่าย บินเหนือฐาน ชายแดนจันทบุรี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ Anti-Drone ยิงตกไป 4 ลำ ทั้งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันแล้ว และเป็นไปตามที่ได้ชี้แจง ถึงแนวทางปฏิบัติของกองทัพเรือไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกองทัพเรือมีมาตรการควบคุมการใช้โดรนบริเวณแนวชายแดน และแจ้งเตือนหากมีโดรนเข้ามาในเขตหวงห้ามก็จะใช้มาตรการต่อต้านโดรน.-313.-สำนักข่าวไทย

สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย. – เลขาธิการ กพฐ. สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ กรณีโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จัดอาหารมื้อเช้าให้นักเรียนเป็นข้าว พะโล้ไก่ กับไข่ต้ม 1 ใบนั้น สพฐ.ได้รับทราบเหตุและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนโดยทันที เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนและเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ยังสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นการชั่วคราวจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการบริหารภายในสถานศึกษา โดย สพฐ. จะกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งให้กำกับติดตามสถานศึกษาในสังกัดให้ดำเนินการโครงการต่างๆ ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียนและครูต่อไป.-417-สำนักข่าวไทย

เลื่อน! “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ลงทะเบียน 1 ก.ค.

25 มิ.ย. – เลื่อน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” 5 แสนสิทธิ์ ประชาชนเริ่มลงทะเบียน 1 ก.ค. เวลา 08.00 น. เดินทางได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. – 31 ต.ค.68 เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าครม. มีมติเห็นชอบโครงการและรายการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 110,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง วงเงิน 1,750 ล้านบาท โดยมีการแจ้งว่า จะเริ่มเปิดลงทะเบียนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ 5 แสนสิทธิ์ เที่ยงคืนที่ผ่านมา และสามารถเที่ยวได้ 1 ก.ค.เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า มีการแจ้งเลื่อนเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดย ผู้ว่าการ ททท. แจ้งว่าจะเปิดลงทะเบียนวันที่ 1 กรกฎาคม เวลา 08.00 น. […]

ข่าวแนะนำ

มือปืนเรียกชื่อก่อนรัวยิง “เสี่ยเปี๊ยก” ดับต่อหน้าภรรยา

กาญจนบุรี 26 มิ.ย. – สุดโหด! 2 คนร้ายเรียกชื่อก่อนรัวยิงไม่นับ สังหาร “เสี่ยเปี๊ยก” นักธุรกิจและผู้กว้างขวางเมืองกาญจนบุรี เสียชีวิตต่อหน้าภรรยา ตำรวจพุ่ง 3 ปม “ชู้สาว-ขัดแย้งส่วนตัว-ธุรกิจ” ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยนาทีสังหารนายสิทธิกร หรือ เสี่ยเปี๊ยก อายุ 51 ปี ในขณะที่เสี่ยเปี๊ยกเดินมากับภรรยา กำลังจะขึ้นรถกระบะสีดำ จังหวะที่เสี่ยเปี๊ยกจะเปิดประตูฝั่งคนขับ คนร้าย 2 คน ลงมาจากรถยนต์ที่จอดอยู่ใกล้กัน คนแรกเรียกชื่อ “เสี่ยเปี๊ยก” พร้อมกับเดินตรงเข้าไปใช้ปืนจ่อยิงศีรษะเสี่ยเปี๊ยกหลายนัดจนล้มลง ก่อนคนร้ายอีกคนเดินตามกระหน่ำยิงซ้ำอีกหลายนัด จากนั้นพากันขึ้นรถขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนภรรยาของเสี่ยเปี๊ยกเดินอ้อมมาเห็นศพสามีก็กรีดร้องด้วยความตกใจ ตะโกนขอความช่วยเหลือ บริเวณลานจอดรถหน้าร้านวัสดุก่อสร้างชื่อดังริมถนนบายพาส (เลี่ยงเมือง) จ.กาญจนบุรี เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. วานนี้ (25 มิ.ย.) ภายหลังเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ตรวจสอบสภาพศพเสี่ยเปี๊ยก พบร่องรอยกระสุนเจาะเข้าตามศีรษะ ใบหน้า ต้นคอ ลำตัว และแขน รวม […]

ตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย ซุกหน้าจวนผู้ว่าฯ พังงา

พังงา 26 มิ.ย.- ตำรวจพังงา พร้อมเจ้าหน้าที่ EOD นำกำลังเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย ซุกหน้าจวนผู้ว่าฯ พังงา ตำรวจพังงา พร้อมด้วยตำรวจชุด EOD นำกำลังเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด ซุกอยู่บริเวณหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบและปิดกั้นพื้นที่ ไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในจุดดังกล่าว โดยการตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ ตำรวจพังงาจับกุม 2 คนร้ายชาวปัตตานี พร้อมกับรถยนต์ที่ซุกระเบิดแสวงเครื่องไว้ภายในรถ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ข้อมูลเบื้องต้นตำรวจชุดสืบสวนระบุว่า ตำรวจแกะรอยจากการไล่กล้องวงจรปิด พบคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์คันเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุที่กระบี่ มาก่อเหตุที่พังงา.-สำนักข่าวไทย

ส่องโผ ครม. แพทองธาร ½ จัดทัพเริ่มนิ่ง

อสมท 26 มิ.ย. – ส่องโผ ครม. แพทองธาร ½ “ภูมิธรรม” นั่งรองนายกฯ ควบ มท.1 ด้าน กล้าธรรม “นฤมล” คุมนั่ง รมว.ศึกษาฯ ขณะที่ “สุชาติ ตันเจริญ” ชื่อติดนั่ง รมว.แรงงาน ความเคลื่อนไหวในการปรับคณะรัฐมนตรี แพทองธาร ½ สำหรับโผการจัด ครม. ล่าสุด กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย นั่งรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมีรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย 2 ตำแหน่ง คือ นายเดชอิศม์ ขาวทอง และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ กระทรวงกลาโหม พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ส่วนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร นายชูศักดิ์ ศิรินิล […]

นายกฯ ให้กำลังใจทหาร ขอบคุณที่เสียสละ ขออดทนอดกลั้น

สระแก้ว 26 มิ.ย.- นายกฯ ให้กำลังใจทหาร ขอให้อดทนอดกลั้น ขอบคุณที่เสียสละ พร้อมพบปะนักเรียนแนวชายแดน มอบอุปกรณ์การเรียน-กีฬา ก่อนไปตรวจหลุมหลบภัย เวลา 13.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร กองร้อยทหารพราน 1202 บ้านป่าไร่ ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยไปดูบังเกอร์ของหน่วยดังกล่าว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาพบกัน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร ว่าต้องมาประจำที่ห่างไกลจากครอบครัว ต้องขอขอบคุณที่เสียสละทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทหารคือรั้วของชาติ การมาประจำการอยู่ใกล้ชิดชายแดนขนาดนี้ ต้องอดทน อดกลั้น เพราะมีสิ่งยั่วยุอยู่มากมาย ในการรักษาความสงบเรียบร้อย อดทนอดกลั้นเพื่อให้การทำงานราบรื่น พร้อมย้ำว่าอะไรที่ต้องการ รัฐบาลสนับสนุน ขอให้บอกมาเลย ยืนยันไม่ลืมเรื่องการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ และสวัสดิการ จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางมาที่โรงเรียนตระเวนชายแดนประชารัฐบำรุง 1 ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เมื่อเดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรีได้เข้าไปทักทายนักเรียนในห้องเรียนต่างๆ โดยนักเรียนแต่ละห้องได้โชว์กิจกรรมที่เกี่ยวกับการเรียนที่แตกต่างกันไปให้นายกรัฐมนตรีชม ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะมอบอุปกรณ์การเรียน นม ขนม […]