ผลกระทบหลัง ป.ป.ช.ให้สภามหาวิทยาลัยแจงทรัพย์สิน

กรุงเทพฯ 5 พ.ย. – ภายหลัง ป.ป.ช.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา กําหนดตําแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ตามมาตรา 102 พ.ศ. 2561 หนึ่งกลุ่มที่ต้องยื่นเพิ่มเติม คือ สภามหาวิทยาลัย จนเกิดกระแสวิจารณ์ เสนอให้ ป.ป.ช.แก้กฎหมาย


นายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภา และอธิการบดีมหาวิทยาลัยรัฐ-ในกำกับของรัฐ มหาวิทยาลัยสงฆ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ต้องแจงทรัพย์สิน-หนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต่อ ป.ป.ช. เป็นข้อบังคับใหม่ที่ต้องทำ แต่กลับสร้างผลกระทบ


นายกสภามหาวิทยาลัยนครพนม เชื่อเกิดความวุ่นวาย และกรรมการสภามหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ไม่เห็นความจำเป็นต้องเเจ้ง เพราะกรรมการทำหน้าที่เสนอ เเนะนำนโยบายให้มหาวิทยาลัย ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการบริหาร มีผลตอบเเทนเพียงเบี้ยประชุมตามระเบียบราชการ ขณะที่ภาระงานก็มีมาก หากต้องมาเเจ้งทรัพย์สินอีก กรรมการหลายคนก็อยากลาออก


ด้านประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล เตรียมส่งหนังสือให้ ป.ป.ช.ทบทวนกฎหมาย ขณะที่ประชุม ทปอ.ใหญ่จะหารือ 7 พ.ย.นี้ หลังได้รับผลกระทบหนัก หลายสถาบันมีกรรมการสภาเเจ้งความจำนงขอลาออกเกินครึ่ง เพราะส่วนใหญ่มาจากภาคเอกชน เนื่องจาก มทร.เน้นสอนเทคโนโลยี กรรมการจึงต้องมาจากเอกชน เพื่อผลิตบัณฑิตให้ตรงกับตลาดแรงงาน หากไม่ทบทวนกฎหมาย การบริหารงานต้องสะดุด อุดมศึกษาไทยอาจล้มทั้งระบบ

กระทรวงศึกษาธิการ เตรียมหารือ ป.ป.ช.ให้ทบทวนกฎหมาย เพราะภาคเอกชนที่เข้ามาเป็นกรรมการสภา มีส่วนสำคัญในการพัฒนาการศึกษา หากลาออกหมดจะเกิดผลกระทบ แต่หากทบทวนไม่ได้ กระทรวงฯ ต้องหากรรมการทดแทน ส่วนตัวมองว่า ความโปร่งใสเป็นสิ่งที่ดี แต่แสดงออกได้หลายวิธี

ปมการลาออกหลัง ป.ป.ช.ให้ชี้แจงทรัพย์สิน เคยเป็นปรากฏการณ์ในระบบอุดมศึกษาไทย เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ที่รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล 13 คน ลาออกพร้อมกัน วันนี้ปัญหาถูกนำกลับมาถกเถียงอีกครั้ง แต่ในทางกลับกัน หากกรรมการสภามหาวิทยาลัยต้องการสร้างบรรทัดฐานเรื่องความโปร่งใส การเปิดบัญชีทรัพย์สินจะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในวงการการศึกษาไทย. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย