ทำเนียบรัฐบาล 2 พ.ย.-ออท.เกาหลีเยี่ยมคารวะนายกฯ ในโอกาสพ้นหน้าที่ สองประเทศเห็นพ้องส่งเสริมความร่วมมือทุกมิติเพิ่มขึ้น
พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายโนเขาวังเอลนายโน ควัง-อิล (Mr. Noh Kwang-il) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในโอกาสพ้นจากหน้าที่ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณที่เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีปฏิบัติหน้าที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้มีความก้าวหน้าอย่างมากตลอดการดำรงตำแหน่งในไทย พร้อมทั้งแสดงความยินดีที่ในปีนี้ไทยและเกาหลีใต้ฉลองครบรอบ 60 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน
“นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไทยส่งเสริมการสร้างสันติภาพ เสถียรภาพและความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลีอย่างยั่งยืน เพื่อประโยชน์สูงสุดของภูมิภาคและของโลก รวมทั้งยังแสดงความประทับใจที่ได้พบหารือกันครั้งแรกกับประธานาธิบดีมุน แช-อิน แห่งเกาหลีใต้ ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำ ASEM ที่กรุงบรัสเซลส์ และฝากความระลึกถึงประธานาธิบดีเกาหลีใต้มาในโอกาสนี้ด้วย” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.ท.วีรชน กล่าวว่า เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีกล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ของประชาชนทั้งสองประเทศที่ชื่นชอบวัฒนธรรมของกันและกัน และไปมาหาสู่กันมากขึ้นในปีที่ผ่านมา พร้อมย้ำว่าทั้งไทย – เกาหลีใต้มีนโยบายที่สามารถเชื่อมโยงกันได้ โดยเฉพาะ New Southern Policy ของเกาหลีใต้กับยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจของไทย อาทิ Thailand 4.0 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง ส่วนสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี และความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีมีพัฒนาการดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การสนับสนุนเกาหลีใต้
“นายกรัฐมนตรียังได้หารือความร่วมมือที่มีร่วมกันกับเกาหลีใต้ โดยเห็นว่าทั้งสองประเทศควรขับเคลื่อนความร่วมมือในทุกมิติให้มีความก้าวหน้า โดยเฉพาะความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ซึ่งควรเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา เพื่อประโยชน์สูงสุดของทั้งสองประเทศ และเห็นว่าประเทศไทยและเกาหลีใต้สามารถกระชับความร่วมมือในมิติต่าง ๆ ให้มากขึ้น โดยเฉพาะในปี 2562 ที่ไทยจะเป็นประธานอาเซียน ซึ่งรัฐบาลไทยยินดีจะร่วมมือกับเกาหลีใต้ขับเคลื่อนความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคีและระดับภูมิภาคอย่างใกล้ชิดและสร้างสรรค์ต่อไป” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย
