ทำเนียบฯ 2 พ.ย.- “พล.อ.ประวิตร”ยืนยัน จัดซื้อ ฮ.รุ่น AW 139-149 ไม่แพงเกินจริง เพราะเป็นอุปกรณ์ทางทหาร ใช้ฝึกอบรม และซ่อมบำรุง เตรียมให้ ทบ.แจงรายละเอียด
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ให้ตรวจสอบการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ ออกัส ต้าเวสต์แลนด์ รุ่น AW 139 และรุ่น AW 149 จากบริษัท อากัสต้าเวสต์แลนด์ เอส.พี.เอ.ประเทศอิตาลี ของกองทัพบก ซึ่งมีราคาแพงกว่า ของ นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ ที่ประสบอุบัติเหตุตก โดยยืนยันไม่เป็นความจริง เพราะเฮลิคอปเตอร์ที่กองทัพบกซื้อ เป็นคนละรุ่นกับของนายวิชัย ซึ่งรุ่นของนายวิชัย เป็น ออกัส ต้าเวสต์แลนด์ รุ่น AW 169 ใช้เพื่อการพาณิชย์ ส่วนที่กองทัพบกซื้อใช้เพื่อการทหาร จึงมีส่วนประกอบที่ใช้ในทางทหาร รวมถึงซื้อแพคเกจการฝึกและซ่อมบำรุง ที่สำคัญการจัดซื้อเป็นรูปแบบ จีทูจี จึงไม่มีทางที่จะแพงกว่าแน่นอน และพร้อมให้ตรวจสอบ ส่วนรายละเอียดนั้นจะให้กองทัพบกชี้แจงต่อไป เพราะส่วนตัวไม่ทราบเกี่ยวกับสเปกของเครื่องทั้งหมด
ด้าน พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า เฮลิคอปเตอร์เดิม ใช้งานมานานกว่า 30 ปี แล้ว และเฮลิคอปเตอร์ที่จัดซื้อ เป็นแบบทางทหาร ซึ่งต่างกับเฮลิคอปเตอร์ ของนายวิชัย ที่ประสบอุบัติเหตุตก เพราะเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าว มี 5-7 ที่นั่ง แต่ของที่กองทัพบกจัดซื้อเป็นเฮลิคอปเตอร์ 2 ขนาด ทั้งขนาด 14-16 ที่นั่ง และขนาด 10 ที่นั่ง ซึ่งมีความแตกต่างและมีสมรรถนะที่ต้องใช้ในทางทหาร ทำให้เครื่องยนต์และตัวลำของเครื่องบินมีขนาดใหญ่กว่า นอกจากนี้ยังซื้อแพคเกจการฝึกอบรม และการซ่อมบำรุง ทั้งยังประกอบในประเทศไทย ตามข้อตกลง จึงขออย่ากังวล ว่าจะมีราคาแพง ซึ่งเชื่อว่ากองทัพบกจะชี้แจงได้ นอกจากนี้ยังเป็นการจัดซื้อ ตั้งแต่ปี 2555 ตามหลักการณ์แล้วการจัดซื้อต้องนำเข้าสู่ ครม. เพราะมีวงเงินเกิน 1 พันล้านขึ้นไป แล้วลองไปคิดดูว่าในปี 2555 เป็นรัฐบาลชุดไหน ซึ่งการจัดซื้อ จะต้องผ่านการกลั่นกรองจากสภา ในช่วงปี 2554 ก่อนที่จะเข้าสู่ ครม. ในปี 2555
โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ที่นายศรีสุวรรณร้องเรื่องนี้ เข้าใจว่าน่าจะมีความกังวลในทุกเรื่อง แต่ย้ำว่านโยบายของพล.อ.ประวิตร และกองทัพบกมีความชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง จะต้องเป็นไปอย่างถูกต้อง พร้อมรับการตรวจสอบทั้งจากหน่วยงานรัฐ ภาคประชาสังคม และจากประชาชน ซึ่งทราบว่าผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบหน่วยงานเตรียมการชี้แจง ไว้แล้ว ส่วนจะเป็นวันไหนต้องรอการยืนยันจากกองทัพบก
“หากมีเรื่องไหนไม่เข้าใจ ให้เดินเข้ามาหากองทัพ เพื่อสอบถามข้อมูลก่อนที่จะให้ข้อมูลกับสื่อ หรือจะไปร้องเรียน เพราะการให้ข้อมูลในโซเซียลบางครั้ง อาจขาดข้อมูลที่จริง และอาจทำให้ประชาชนเชื่อไปก่อน ดังนั้นสื่อจะรับข้อมูลต้องกลั่นกรอง หรือเล่นกับกระแส รัฐพร้อมให้ข้อมูลที่แท้จริงอยู่แล้ว เชื่อว่าไม่มีฝ่ายตรงข้าม หรือการเมืองจ้องเล่นงาน ซึ่งกองทัพทำหน้าที่ปกป้องประชาชน เพราะเข้าใจดีว่าภาษีทุกบาทมาจากประชาชน ขอให้มั่นใจว่ากองทัพอยู่เคียงข้างประชาชน และเดินไปด้วยกัน”พล.ท.คงชีพ กล่าว.-สำนักข่าวไทย