ระยอง 30 ต.ค.- แม่ค้าขายปลาหมึกทอด เหยื่อแก๊งยานรกที่ถูกตำรวจไล่ล่าขับรถพุ่งชน เผยสาเหตุประกาศขายไตและดวงตาของตัวเอง เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ พร้อมเผยหลังโพสต์ลงสื่อโซเซียลคนแห่ช่วย แต่ใจแข็งปฏิเสธรับเงินบริจาค
ภาพจากกล้องหน้ารถคันหนึ่งที่ขับตามหลังรถยนต์กระบะนิสสัน ป้ายแดง ของนางยชวดี เล็กศิริ สาวใหญ่วัย 46 ปี แม่ค้าขายปลาหมึกทอดเนย ขณะขับรถพาหลานสาววัย 3 ขวบ ไปตามถนนสายบ้านแลง-เมืองระยอง เพื่อจะกลับบ้านที่ตำบลนาตาขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง แต่พอขับมาถึงบริเวณบ้านชากใหญ่ ตำบลเชิงเนิน อำเภอเมืองระยอง จู่ๆ มีเก๋งสีดำขับสวนทางมาขับตัดหน้าพุ่งชนจนรถพังเสียหายยับเยิน ส่วนนางยชวดี คนขับและหลานสาวที่นั่งมาด้วยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทราบภายหลังว่ารถเก๋งสีดำที่ขับตัดหน้าพุ่งชนรถของนางยชวดี คือรถของแก๊งค้ายาเสพติด ที่ขับหนีการไล่ล่าจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองระยอง ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 11 กรกฎาคม 2561
ก่อนที่เหตุการณ์ครั้งนี้จะนำไปสู่ความสะเทือนใจแก่บรรดาแฟนสื่อโซเซียลทั้งหลายที่ติดตามเหตุการณ์ต่างๆ ผ่านทางสื่อโซเซียล หลังจากเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ“หมึก ทอดเนย” โพสต์ข้อความขอความช่วยเหลือและประกาศขายอุปกรณ์เครื่องมือทำมาหากิน ทั้งหัวเตาแก๊ส ถังแก๊ส สูตรปลาทอดเนย ยิ่งสะเทือนใจไปมากกว่านั้นคือมีข้อความประกาศขายไตและดวงตาอย่างละ 1 ข้างของตัวเอง เพื่อนำเงินมาใช้หนี้สินที่เกิดขึ้น ทั้งหนี้สินเงินกู้นอกระบบที่ไปกู้ยืมมาเป็นทุนประกอบอาชีพ เงินค่าผ่อนรถ หลังจากถูกแก๊งค้ายาเสพติดขับรถรถพุ่งชนรถของตัวเอง ขณะหนีการไล่ล่าจับกุมของตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองระยอง ขับพุ่งชนจนได้รับความเสียหายด้านพังยับเยินและตัวเองกับหลานสาววัย 3 ขวบ รับบาดเจ็บ ไม่สามารถใช้งานต่อได้ จนเวลาผ่านมา 4 เดือนแล้ว เรื่องดังกล่าวยังไม่ คืบหน้า จนในที่สุดต้องโพสต์ข้อความช่วยเหลือผ่านเฟสบุ๊กของตัวเอง ประกาศขายของ รวมทั้งไตและดวงตาของตัวเอง จนกลายเป็นเรื่องสะเทือนใจ
บ่ายวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับนางยชวดี เล็กศิริ สาวใหญ่แม่ค้าปลาหมึกทอดเนย ผู้ประกาศขายไตและดวงตาของตัวเอง ที่ร้านอาหารซีฟู๊ดแห่งหนึ่งริมหาดสุชาดา เมืองระยอง ขณะนำหลานสาวไปให้ยายช่วยเลี้ยงดู และได้รับการเปิดเผยถึงเหตุที่ต้องเช่นนี้ เพราะเครียดหาทางออกไม่ได้กับค่าผ่อนรถ ค่าหนี้สินที่กู้นอกระบบมาลงทุน ซึ่งหลังเกิดเหตุตนได้รับเงินเยียวยาเพื่อเป็นการทำขวัญเพียง 20,000 บาทเท่านั้น และเมื่อวานนี้ได้รับเงินอีก 30,000 บาท จากสำนักงานยุติธรรมกลางที่ตนทำเรื่องขอรับค่าเยียวยา ซึ่งนำไปใช้หนี้ค่างวดรถไปแล้ว พร้อมทั้งยังเปิดเผยหลังจากประกาศขายของอุปกรณ์ทำมาหากิน รวมทั้งไตและดวงตา ปรากฏว่ามีผู้คนแจ้งความจำนงผ่านทางเฟซบุ๊กและโทรศัพท์เข้ามาช่วยเหลือบริจาคเงินให้กับตนจำนวนมาก แต่ตนได้ปฏิเสธไม่ขอรับเงินบริจาค เพราะไม่อยากให้เกิดข้อครหาตามมา รวมทั้งขอซื้อไตจากตนแล้ว 1 ราย
และวันนี้ นางยชวดี เล็กศิริ พร้อมนายภีมร์เดช อมรสุคนธ์ ทนายความและประธานสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมภาคตะวันออก ได้ไปพบกับ ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมือง ระยอง ที่นัดไปพูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการยื่นข้อเสนอไปทั้งหมด 1 ล้านบาท แบ่งเป็นค่ารถยนต์มูลค่า 7 แสนบาท ส่วนอีก 3 แสนบาท เป็นค่ารักษาพยาบาลที่ได้รับบาดเจ็บ และค่าเสียเวลาที่ไม่สามารถออกไปทำมาหากินได้เพราะไม่มีรถ
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนายภีมร์เดช อมรสุคนธ์ ทนายความ เปิดเผยถึงการพูดคุยหลังเข้าไปพบตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองระยอง ที่ได้นัดไปไกล่เกลี่ยว่าทางตำรวจต้องการช่วยเหลือแต่ความจริงแล้ว ผู้รับผิดชอบคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องรับผิดชอบ เพราะเหตุเกิดขณะตำรวจกำลังปฏิบัติงานในหน้าที่ไล่จับคนร้าย ซึ่งหากยังไม่แสดงความรับผิดชอบจะต้องดำเนินการฟ้องร้องผู้เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย
