กรุงเทพฯ 30 ต.ค.- “ธนสิทธิ์ จารวิจิต”พี่ชายดาราบูม เข้ารับทราบข้อหาปฏิเสธ”ร่วมกันฟอกเงิน” พร้อมนำเอกสารหลักฐานมอบให้กองปราบแสดงความบริสุทธิ์ใจ
นายธนสิทธิ์ จารวิจิต พี่ชายคนรองนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ตามหมายเรียก เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา”ร่วมกันฟอกเงิน” ในคดี หลอกนายเออาร์นี โมตาวา ซาริมา นักธุรกิจชาวฟินแลนด์ ลงทุนซื้อหุ้นด้วยเงินสกุลบิตคอยน์ จำนวน 797 ล้านบาท หลังตำรวจพบ มีเงินกว่า 100 ล้านบาท จากผู้เสียหายโอนเข้าบัญชีนายธนสิทธิ์ และมีการโอนเงินไปที่บัญชีนายปริญญา เบื้องต้นนายธนสิทธิ์ให้การปฏิเสธ และยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ โดยวันนี้ ได้เตรียมพยานหลักฐาน เอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องในคดี มามอบให้พนักงานสอบสวน
อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำ ของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าหลังสอบปากคำแล้วเสร็จ ตำรวจจะแจ้งข้อกล่าวหา และปล่อยตัวกลับ เนื่องจากเป็นการเข้าพบตามหมายเรียก
คดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อประมาณ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เมื่อ นายเออาร์นี โมตาวา ซาริมา นักธุรกิจชาวฟินแลนด์ เข้าแจ้งความกองปราบปราม หลังถูกนายปริญญา จารวิจิต และพวกหลอกลงทุนซื้อหุ้นด้วยเงินสกุลบิตคอยน์ จำนวน 797 ล้านบาท ซึ่งต่อมาศาลออกหมายจับ นายปริญญา น.ส.สุพิชย์ฌา และนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม ดารานักแสดงหนุ่ม ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน เนื่องจากพบนายปริญญาโอนเงินที่หลอกลวงมาได้ไปเข้าบัญชีน.ส.สุพิชฌาย์ และ นายจิรัชพิสิษฐ์
ต่อมา ตำรวจออกหมายเรียก นาย ธนสิทธิ์ เนื่องจากพบความเชื่อมโยง บัญชีการเงิน โดยนายธนสิทธิ์รับโอนเงินจากนายเออาร์นี โดยตรงกว่า 100 ล้านบาท ก่อนที่เงินดังกล่าวจะถูกโอนเข้าบัญชีนายปริญญาพี่ชาย
ส่วนคดีร่วมกันฉ้อโกง ตำรวจกองปราบสรุปสำนวน ส่งฟ้องผู้ต้องหา 4 คน คือ นายปริญญา น.ส.สุพิชย์ฌา นายธนสิทธิ์ และ นายจิรัชพิสิษฐ์ ต่ออัยการไปก่อนหน้านี้แล้ว
ขณะที่คดีร่วมกันฟอกเงิน มีการดำเนินคดี รวม 6 คน คือนายปริญญา น.ส.สุพิชย์ฌา นายธนสิทธิ์ นายจิรัชพิสิษฐ์ นายสุวิทย์และนางเลิศฉัตรกมล จารวิจิตบิดาและมารดา มีการแจ้งดำเนินคดีแล้ว 4คน เหลือพ่อและแม่ ที่จะมารับทราบข้อหาวันที่ 1 พฤศจิกายน นี้
ภายหลังการเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม นานกว่า 2 ชั่วโมง นายธนสิทธิ์ จารวิจิต กล่าวว่า วันนี้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันฟอกเงินตามหมายเรียก ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวหรือ เป็นล่ามให้พี่ชาย เจรจา กับ นายเออาร์นี โมตาวา ซาริมาผู้เสียหายเรื่องการลงทุน และมั่นใจในพยานหลักฐาน ที่นำมายื่นต่อพนักงานสอบสวนในวันนี้ว่าจะสามารถตอบข้อสงสัย ให้กับพนักงานสอบสวนได้
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีเงินจากบัญชีนายเออาร์นี โมตาวา ซาริมา ผู้เสียหายโอนเข้าบัญชีตนเองนับ100 ล้านบาทนั้น ปฏิเสธไม่มีการโอนเงินเข้าบัญชีตนเองและที่ผ่านมาก็ ไม่เคยพูดคุยกับผู้เสียหายในเรื่องของการลงทุน แต่ยอมรับว่ามีเงินโอนมาจากบัญชีของบริษัทบิทคอยน์ ประเทศไทย จำกัด ซึ่งขึ้นตรงกับธนาคารแห่งประเทศไทย ผ่านเข้ามาที่บัญชี ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจบิทคอยน์ ที่จะมีเงินเข้าออกมาโดยตลอด
นายธนสิทธิ์ ระบุอีกว่า ขณะนี้ครอบครัวอยู่ระหว่างการเตรียมนำเอกสารจากสถานกงสุล ที่พี่ชายได้ทำไว้ว่าจะเดินทางกลับมามอบตัวสู้คดีในประเทศไทย ยื่นประกอบคำขอประกันตัวต่อศาล และขอความเป็นธรรมว่าพี่ชายไม่ได้จะหลบหนี เชื่อว่าหากพี่ชายได้ประกันตัวจะแก้ไขปัญหา หรือพูดคุยกับผู้เสียหาย ทำให้คดีคลี่คลาย และจบลงได้.-สำนักข่าวไทย