กทม.20 ต.ค.-ผู้เสียหายหลายคนที่มอบแมวให้ “น.ส.ซัน” รับไปอุปการะ โร่ให้ข้อมูลตำรวจ พร้อมเรียกร้องตำรวจนำหมายค้นบ้านพัก
ผู้เสียหายที่ถูกนางสาวซัน มาขอรับแมวจรจัดไปเลี้ยงแล้วแมวตายในลักษณะคล้ายถูกทารุณกรรมเข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม เพื่อขอให้เข้าไปตรวจค้นบ้านพักของนางสาวซัน หลังมีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าเป็นผู้ทำให้แมวตาย
น.ส.อิศราภรณ์ สมุทรกลิน หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า พี่สาวเป็นสัตวแพทย์และมีคนเก็บแมวมาส่งเพื่อทำหมัน 4 ตัว แล้วจะนำไปปล่อยแต่ทางสัตวแพทย์ขอไว้และประกาศตามหาผู้รับอุปการะ กระทั่งนางสาวซันเห็นข้อความทางเฟซบุ๊ก จึงติดต่อขอรับไปอุปการะ 1 ตัว เป็นแมวตัวผู้ต่อมาติดต่อถามความคืบหน้านางสาวซันอ้างว่าไม่ได้รับแมวไป พอยืนยันว่ามีหลักฐาน จึงยอมรับ แต่ให้ข้อมูลสับสน ทำให้นำเรื่องราวโพสต์ลงเพจกลุ่มคนรักแมว มีผู้มาแสดงความคิดเห็นและให้ข้อมูลว่า นางสาวซันตระเวนขอแมวที่มีลักษณะคล้ายกันไปเลี้ยงแล้วก็ติดต่อไม่ได้ กระทั่งนางสาวซัน ติดต่อผู้เสียหายและนำซากแมวที่ตายมาคืนให้ อ้างว่าแมวถูกรถทับตายและไกล่เกลี่ยกัน แต่ผู้เสียหายได้นำแมวมาแจ้งความ เนื่องจากซากของแมวมีร่องรอยของการทำให้ตายและอวัยวะช่วงท้องหายไป
ด้านน.ส.นพรัตน์ คำบูรณวิทย์ ผู้เสียหายอีกราย เข้าให้ข้อมูลเช่นเดียวกันว่า นางสาวซันได้ขอรับแมวไปเลี้ยง 2 ตัวเช่นกัน และเห็นโพสต์ของผู้เสียหายคนนี้จึงตกใจและพยายามติดต่อกับนางสาวซัน โดยได้แมวคืนมา 1 ตัว ส่วนอีกตัวนางสาวซัน อ้างว่าวิ่งหลุดหนีไป
ด้านสัตวแพทย์หญิงภัทรนันท์ สัจจารมย์ สัตวแพทย์ประจำวอตซ์ ด๊อกส์ ไทยแลนด์ ได้นำซากแมวไปชันสูตรการตายพบว่า แมวตัวนี้อายุประมาณ 1 เดือน มีร่องรอยการถูกกระทำให้ตาย ไม่มีร่องรอยสัตว์ใหญ่กัดแทะหรือถูกรถทับ มีเยื่อกระบังลม ไส้ อวัยวะช่องท้องหายไป เหลือเพียงส่วนหัวใจ ปอด ที่ยังอยู่ ส่วนรายละเอียดการตายขอยังไม่เปิดเผย โดยได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับนางสาวซัน กับพนักงานสอบสวนไว้แล้ว พนักงานสอบสวน ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานว่าจะแจ้งข้อหาได้หรือไม่ และได้ปล่อยตัวไปก่อน
ผู้เสียหาย ยังบอกว่า มีคนให้ข้อมูลว่ามีบุคคลบางกลุ่มชอบนำสัตว์เลี้ยงไปทารุณกรรม แล้วบันทึกเป็นคลิปวิดีโอเพื่อแลกกับเงินสกุลดิจิทัลในเว็บไซต์เฉพาะกลุ่ม แต่กรณีนี้ยังไม่มีหลักฐานว่ากระทำเช่นนั้นหรือไม่
ขณะที่เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์เดินทางมาที่ สน.เพชรเกษม เพื่อประสานการตรวจสอบว่ามีการทารุณกรรมสัตว์ตามที่ผู้เสียหายให้การหรือไม่ หากพบว่าเป็นเรื่องจริงจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์.-สำนักข่าวไทย