นายกฯ พอใจผลการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 12

กรุงบรัสเซลส์  20 ต.ค.-นายกฯ พอใจผลการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 12  เผยหลายประเทศสนใจร่วมลงทุนใน EEC และได้ยืนยันกับทุกประเทศว่าไทยจะมีการเลือกตั้งปีหน้า ขอนักการเมืองร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศ วอนอย่าสร้างความขัดแย้ง จะทำให้ประเทศเสียโอกาส


“เพ็ญพรรณ แหลมหลวง” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย รายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป (ASEM Summit) ครั้งที่ 12 และการประชุมผู้นำสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU – ASEAN Leaders’ Meeting) ระหว่างวันที่ 18-20 ตุลาคม 2561 ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 12 ว่า ในการประชุมครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 วาระ 51 ประเทศสมาชิก ซึ่งได้มีการหารือกันหลากหลายประเด็น ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ การพัฒนาที่ยั่งยืน และการรับมือกับภัยคุกคามในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของผู้นำ และการประชุมสหภาพยุโรป-อาเซียน โดยในการมาครั้งนี้ได้พบปะกับผู้นำหลายประเทศในเวทีการประชุม ซึ่งมีความคุ้นเคยกัน เพราะเคยเข้าร่วมประชุมเอเชีย-ยุโรป เป็นครั้งที่สาม และยังพบกันแบบทวิภาคี ทั้งได้หารือถึงความร่วมมือที่ไทยมีต่อมิตรประเทศเหล่านี้

“หลายประเทศทราบถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย โดยเฉพาะโครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ซึ่งถือเป็นการสร้างมิติใหม่ด้านการลงทุน รวมถึงหารือถึงปัญหาอุปสรรคที่ค้างคากับบางประเทศ และมีความคืบหน้าในการเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ โดยจะเร่งขับเคลื่อนให้เกิดผลสำเร็จได้ภายในรัฐบาลหน้า ทั้งในส่วนของไทย อียู อาเซียน และกรอบความร่วมมือต่าง ๆ  ซึ่งผลจากการหารือกับทั้ง 9 ประเทศ ต่างให้ความสนใจในโครงการอีอีซีของไทย ซึ่งบางประเทศได้ศึกษาความเป็นไปได้แล้ว ขณะที่บางประเทศ เช่น เอสโตเนีย จะศึกษาลู่ทางการลงทุนในไทยด้วยเช่นกัน ส่วนผู้นำเยอรมันก็ได้พบปะ และนัดหมายที่จะเดินทางไปเยือนในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะได้พูดคุยกันถึงประเด็นความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในการประชุมครั้งนี้ หลายประเทศมีความเชื่อมั่นในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลทั้งจากการคุ้นเคยและการรู้จักประเทศไทยเป็นอย่างดี รวมถึงการพยายามทำความเข้าใจและชี้แจงการดำเนินการทุกอย่างของรัฐบาล ซึ่งตนได้ย้ำว่าวันนี้ประเทศไทยมีความเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน ที่สำคัญคือเน้นย้ำในเรื่องประชาธิปไตยกับทุกประเทศ เพื่อให้ทุกคนมั่นใจว่าไทยกำลังเดินหน้าการเมืองที่มีความถูกต้อง มีความเป็นสากล และป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นอีก

“ดังนั้นจึงต้องขอความร่วมมือจากนักการเมืองและฝ่ายต่าง ๆ ที่จะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อประเทศ ทุกคนต้องคิดใหม่ ทำใหม่ เพื่อให้นานาชาติเชื่อมั่นในประเทศไทย ทั้งนี้ทุกประเทศต้องการที่จะมาลงทุนในไทย แต่มีคำถามว่าสิ่งที่เป็นอยู่จะมีความยั่งยืนหรือไม่ ซึ่งได้ยืนยันไปว่าการทำงานตลอด 4 ปีของรัฐบาล เพื่อให้ทุกอย่างยั่งยืน เพราะขณะนี้ไทยมียุทธศาสตร์ชาติ มีแผนแม่บทของการพัฒนา พร้อมกลไกส่งเสริมการลงทุนที่เป็นธรรม และเหมาะสม บนพื้นฐานที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ในที่ประชุมให้ความสำคัญกับการพัฒนาประเทศด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลควบคู่กับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการพัฒนาฝีมือแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการในพื้นที่อีอีซี โดยให้ความมั่นใจกับทุกประเทศว่าจะไม่ขาดแคลนแรงงาน เพราะได้วางแผนที่จะผลิตแรงงานให้ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในอีอีซี ที่เป็นการสร้างมูลค่าให้กับตลาดแรงงานไทยด้วย ซึ่งทั้งหมดจะเป็นการสร้างมูลค่าให้กับประเทศ เพื่อนำรายได้กลับมาดูแลประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย นำมาพัฒนาการศึกษา และให้บริการด้านสาธารณสุขที่ครอบคลุม


“เชื่อมั่นว่าความร่วมมือในกรอบอาเซมกับภูมิภาคเอเชีย และอาเซียน จะสร้างประโยชน์ในภาพรวมให้กับประชาชนของทุกประเทศ และผมอยากจะบอกว่า การมาในวันนี้ ผมได้รับเกียรติจากทุกประเทศ พร้อมทั้งได้รับความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย เหมือนกับที่ผมเคยกล่าวว่าใครก็ตามที่จะมาเป็นรัฐบาล ต้องทำให้ประเทศไทยมีศักดิ์ศรี มีที่ยืนบนเวทีโลกอย่างมีเกียรติ สมภาคภูมิของความเป็นไทย และความมีศักยภาพมากมายที่ต่างประเทศทราบในสิ่งเหล่านี้ดี เพียงแต่ไทยต้องสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น ซึ่งผมได้ใช้ทุกเวทีในการยืนยันถึงความมุ่งมั่นและความมั่นใจที่ดี ซึ่งจะทำให้ทุกประเทศพร้อมที่จะร่วมมือกับไทย ขอเพียงภายในอย่าทะเลาะเบาะแว้งขัดแย้งกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง การเลือกตั้ง เพราะจะทำให้โอกาสของประเทศไทยหายไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในเวทีได้สอบถามถึงการช่วยเหลือเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมีทั้ง 13 คน และได้ชื่นชมความสำเร็จในปฏิบัติการช่วยเหลือดังกล่าว ตนจึงถือโอกาสขอบคุณทุกประเทศที่ส่งความช่วยเหลือและส่งกำลังใจมา ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่เยาวชนทุกคนสนใจการศึกษา และมีแนวความคิดที่โตกว่าวัย มีความเข้มแข็งและเข้าใจเป็นอย่างดีในการปฏิบัติตัวว่าต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้การช่วยเหลือ ถือเป็นตัวอย่างที่ดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ หลังเสร็จภารกิจ นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ จะเดินทางออกจากที่ทำการคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปไปยังท่าอากาศยานกรุงบรัสเซลส์ เพื่อเดินทางจากกรุงบรัสเซลส์กลับประเทศไทย โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ แบบ Airbus A340-500 เที่ยวบินพิเศษกลับประเทศไทย โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 11 ชั่วโมง 30 นาที ถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ในเวลาประมาณ 12.00 น. วันที่ 20 ตุลาคม 2561.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]