นายกฯ กล่าวถ้อยแถลงที่ประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป

กรุงบรัสเซลส์ 20 ต.ค.-นายกรัฐมนตรี กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 12 เสนอ 3 แนวคิด ให้เอเชีย-ยุโรปร่วมมือใกล้ชิด ส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน เตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ในบริบทโลกยุคใหม่


“เพ็ญพรรณ แหลมหลวง” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ที่ติดตามภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป (ASEM Summit) ครั้งที่ 12 และการประชุมผู้นำสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU – ASEAN Leaders’ Meeting) ระหว่างวันที่ 18-20 ตุลาคม 2561  ณ กรุงบรัสเซลส์  ประเทศเบลเยียม  รายงานว่า วันที่ 19 ตุลาคม 2561 เวลา 09.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าประไทย 5 ชั่วโมง พล.อ.ประยุทธ์ เข้าร่วมการประชุมเต็มคณะ วาระที่ 1 ในหัวข้อ “Building the Future Together: Promoting Inclusive Growth and Sustainable Connectivity”  สร้างอนาคตร่วมกัน การส่งเสริมการเติบโตที่ครอบคลุมและเชื่อมโยงที่ยั่งยืน 

โดย พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุม นายกรัฐมนตรี ได้เสนอแนวคิด 3 ประการ เพื่อให้เอเชียและยุโรปหันมาร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด สร้างความร่วมมือเพื่อความเชื่อมโยงอย่างเป็นรูปธรรม และพร้อมรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ในบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลง ได้แก่ ประการที่ 1 การส่งเสริมความเชื่อมโยงในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน นายกรัฐมนตรีเคยเสนอไว้ในที่ประชุม ณ กรุงอูลานบาตอร์ ว่า ไทยจะขับเคลื่อนความเชื่อมโยงนี้ให้เป็นรูปธรรม โดยไทยได้จัดการประชุมหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนระหว่างเอเชีย-ยุโรป เมื่อปี 2559 และการประชุมอาเซมเพื่อส่งเสริมสิ่งแวดล้อมทางทะเลอย่างยั่งยืน โดยเน้นปัญหาขยะทะเล เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีแผนจะจัดการประชุมด้านความยั่งยืนทางทะเล และจัดกิจกรรมคู่ขนานเพื่อส่งเสริมให้เยาวชนมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเลในปีหน้า สอดคล้องกับการปฏิรูปภาคการประมงทั้งระบบของไทยมาตลอด 3 ปี เพื่อความยั่งยืนของการใช้ทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเล


พล.ท.วีรชน กล่าวว่า ประการที่ 2 ยังส่งเสริมความเชื่อมโยงเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะในยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล เพื่อให้ทุกคนได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์แบบไร้รอยต่อ การถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม และการส่งเสริมการค้าเสรีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศกำลังพัฒนา และประการที่ 3 ในฐานะที่ไทยเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า ไทยพร้อมเป็นสะพานเชื่อมโยงของภูมิภาค โดยยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงระหว่างยุโรปกับเอเชียของ EU มีความสอดคล้องกับแผนแม่บทความเชื่อมโยงของ ACMECS และอาเซียน ที่จะสนับสนุนให้ทั้งสองภูมิภาคสามารถเชื่อมโยงกันอย่างรอบด้าน ทั้งการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

“นายกรัฐมนตรียังย้ำว่ารัฐบาลได้ดำเนินการตามโรดแมปด้วยการจัดการเลือกตั้งต้นปีหน้า เพื่อให้ไทยกลับสู่ประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน” พล.ท.วีรชน กล่าว

พล.ท.วีรชน กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม ในช่วงของการหารรืออย่างไม่เป็นทางการในช่วงรับประทานอาหารกลางวัน นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถ้อยแถลง ในหัวข้อ “International and Regional Issues”  มีถ้อยแถลงอย่างไม่เป็นทางการ โดยยึดหลัก 3 M  คือ ความไว้เนื้อเชื่อใจร่วมกัน ความเคารพซึ่งกันและกัน และผลประโยชน์ร่วมกัน บนหลักการพหุพาคีและการเคารพกติการะหว่างประเทศในเรื่องการไม่เผยแพร่อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงในคาบสมุทรเกาหลีและอิหร่าน ความมั่นคงทางไซเบอร์ การต่อต้านการก่อการร้าย การโยกย้ายถิ่นฐาน และความมั่นคงทางทะเล พร้อมเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเกี่ยวกับการพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อความเชื่อมโยงทางดิจิทัลอย่างยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ครม.แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​-​คดีพิเศษ-​พศ.

ทำเนียบฯ 24 ก.ย. – ครม. แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ มอบ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​ -​ คดีพิเศษ -​ สำนักพุทธฯ​ ขณะที่ “เอกนิติ​” คุมพาณิชย์​ -​ สำนักงบฯ ด้าน “ธรรมนัส​” คุมท่องเที่ยว​ -​ เกษตร​ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี​นัดพิเศษ นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ มีมติแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรี​ 6 คน​ ประกอบด้วย นายพิพัฒน์​ รัชกิจประการ​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดูแลกระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน​ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์​แห่งชาติ​ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒฒาพิเศษ​ภาคตะวันออก​ (อีอีซี) นายโสภณ​ ซารัมย์​ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลด้านสังคม​ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ​ (ส​ทนช.) […]

ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างหน้าวชิรพยาบาล แนะเลี่ยงเส้นทาง

24 ก.ย.- ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างบริเวณหน้าวชิรพยาบาล จนท.เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วย-ประชาชนใกล้เคียง ออกนอกพื้นที่เสี่ยง แจ้งเตือนหลีกเลี่ยงเส้นทางอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจร ช่วงประมาณ 07.13 น. ศูนย์วิทยุพระราม199 รางานเหตุถนนทรุดตัวเป็นบริเวณกว้างใกล้เคียงอาคารของโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยสามเสน ถึงที่เกิดเหตุ ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นถนนทรุดตัวขนาดใหญ่ เป็นหลุมกว้าง 30 x 30 เมตร ลึก 50 เมตร ทรุดตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบริเวณหน้าโรงพยาบาลและหน้าสถานีตำรวจสามเสน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและประชาชนใกล้เคียง ออกจากจุดที่เกิดเหตุ ล่าสุดสำนักงานเขตดุสิต แจ้งปิดการจราจรแยกวชิรพยาบาล – แยกซังฮี้ และบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ เนื่องจากเหตุผิวจราจรทรุดตัวส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณูปโภคโดยรอบ และอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจรใกล้เคียงได้ -สำนักข่าวไทย

ครม. ตั้ง “ไตรศุลี” นั่งเลขาธิการนายกฯ อายุน้อยที่สุด

ทำเนียบ24 ก.ย. – ครม.นัดพิเศษ ตั้ง “ไตรศุลี ไตรสรณกุล” เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ วันนี้ (24 ก.ย.) มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม ครม. มีมติแต่งตั้งให้นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หรือเรียกกันว่า “นายกฯ น้อย” ถือเป็นตำแหน่งสำคัญ ต้องคอยสนับสนุนการทำงานของนายกรัฐมนตรี รวมถึงการบริหารจัดการงานทั่วไป และประสานงานให้กับนายกรัฐมนตรีโดยตรง นอกจากนี้ ยังเป็นตำแหน่งที่จะต้องรวบรวมวิเคราะห์ และกลั่นกรองข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำเสนอความเห็นประกอบการพิจารณา และการสั่งการของนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม นางสาวไตรศุลี ถือเป็นผู้ที่รับตำแหน่ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ปัจจุบันนางสาวไตรศุลี อายุ 35 ปี และเป็นลูกสาวของ นายวิชิต ไตรสรณกุล นายก อบจ.ศรีสะเกษ จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเริ่มต้นการทำงานทางการเมืองด้วยการดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี […]

เจ้าของห้องคอนโด ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด

23 ก.ย. – เจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวายทำลายทรัพย์สิน ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษ หนุ่มเจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวาย ทำลายทรัพย์สิน รวมถึงใช้อาวุธมีดมาเคาะประตูเชิงข่มขู่กลางดึก เปิดใจว่าขณะเกิดเหตุตกใจกลัวมาก หากประตูพังอาจเกิดเหตุไม่คาดคิด ต้องวิ่งไปหลบในห้องนอนและเอาของมาวางกั้นไว้ แต่ก็ยังโทรฯ หาตำรวจและแจ้งนิติบุคคลคอนโด แต่ก็ไม่มีใครขึ้นมา ตอนนี้ต้องย้ายที่อยู่ชั่วคราวและลางาน เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย โดยมีหลายคนที่เจอเหตุการณ์เหมือนกับตนเอง ส่วนทางคู่กรณี ตนอยากจะบอกว่า ถ้าหากมีอาการจิตเวชจริงก็ขอให้เข้ารับการรักษา ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษเพราะเกินเวลานั้นมานานแล้ว ยืนยันจะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะสุดท้ายแล้วเชื่อว่ากฎหมายจะให้ความเป็นธรรมกับตนได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สีสันวันมงคล ครม.

26 ก.ย. – นายกรัฐมนตรีถือฤกษ์ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสเข้าไปปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการครั้งแรก ขณะที่ยังมีรัฐมนตรีอีกหลายคนเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน แต่ละคนถือเคล็ดต่างกันไป สีสันวันมงคล ครม. -สำนักข่าวไทย

จารึกนาม “16 ทหารกล้า” แนวหน้าชายแดนไทย-กัมพูชา

26 ก.ย. – กองทัพบก จัดพิธีจารึกนาม และสดุดีกำลังพล ผู้สละชีพเพื่อชาติ จากกรณีพิพาทชายแดนไทย–กัมพูชา อย่างสมเกียรติ.-สำนักข่าวไทย

รอปูนแข็งตัว 6 ชม. แล้วเทซ้ำ วนไปจนถึงวันอาทิตย์

กทม. 26 ก.ย. – ผู้รับเหมาปรับแผน การเทปูนลงหลุมยักษ์ เป็นการเทตามวงรอบ 6 ชั่วโมง เว้น 6 ชั่วโมง เพื่อให้ปูนแข็งตัว โดยปูนที่เทลงไปก่อนหน้าได้ไปอุดช่องโหว่ในจุดที่จะเสี่ยงให้เกิดดินสไลด์ได้ทั้งหมด 100% แล้ว คาดการเทปูน จะจบตามแผนภายในวันอาทิตย์นี้.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย