ต่อยอดงานวิจัยภูมิคุ้มกันรักษาโรคมะเร็ง อีก 4 ปี เริ่มทดลองในคน

สธ.19 ต.ค.- 3 หน่วยงาน ร่วมต่อยอดงานวิจัยภูมิคุ้มกันรักษาโรคมะเร็ง เร่งอีก 4 ปี เริ่มทดลองในคน  ชวนคนไทยร่วมบริจาคเป็นเจ้าของผลงานวิจัยเพื่อรักษามะเร็งช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ 


นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผอ.สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) แถลงความร่วมมือกับศ.นพ.วรศักดิ์ โชติเลอศักดิ์ รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ศ.พญ.ณัฎฐิยา หิรัญกาญจน์หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  และนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในการต่อยอดวิจัยไทยผลิตยาต้านมะเร็งจากภูมิคุ้มกันมนุษย์  ซึ่งขณะนี้อยู่ในการทดลองเฟสแรกกำลังก้าวเข้าสู่เฟส 2 โดยที่ผ่านมาทางจุฬาฯได้ลงทุนในการศึกษาวิจัยไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท



นพ.นพพร กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เพื่อต่อยอดงานวิจัยเป็นการรักษาโรคมะเร็งแบบจำเพาะเจาะจงหรือที่เรียกว่าการแพทย์แม่นยำ  ซึ่งเป็นหนึ่งในนวัตกรรมการแพทย์แบบใหม่ที่จะทำให้เกิดการรักษาตรงจุดพุ่งเป้า  โดยเฉพาะเรื่องของโรคมะเร็งซึ่งคาดว่าอีก 30 ปีแห่งหน้าประเทศไทยอาจมีค่าใช้จ่ายสูง   เนื่องจากแต่ละปีประเทศไทยต้องหมดไปกับค่ายาถึง 150,000 ล้านบาทในการรักษาโรค และครึ่งหนึ่งเป็นยามะเร็ง โดยทางสวรส. จะให้เงินทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนา 10 ล้านบาท

ศ.พญ.ณัฎฐิยา  กล่าวว่า ขณะนี้กระบวนการศึกษาวิจัยและพัฒนาใช้ภูมิคุ้มกันรักษามะเร็งเป็นการต่อยอดงานวิจัยต้นแบบ ศ.ทาสุกุ ฮอนโจ ผู้ที่รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ปี 2018 ใช้ยาที่สร้างจากภูมิคุ้มกันรักษาโรคมะเร็งได้ถึง 15 ชนิด ยับยั้งและกำจัดมะเร็งบนภูมิคุ้มกันของมนุษย์

ในส่วนของการศึกษาวิจัยของคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์  ได้ผ่านการทดลองเฟส 1 ในการหาต้นแบบของแอนติบอดีได้แล้วอยู่ระหว่างการพัฒนาและเริ่มการศึกษาเฟส 2 คาดว่าใช้ระยะเวลาอีก 4 ปี จึงจะสามารถเริ่มกระบวนการทดลองในมนุษย์ได้ 

ทั้งนี้กระบวนการศึกษาวิจัยดังกล่าวเป็นการนำผลของแอนติบอดีไปใช้ในการกำจัดเซลล์ที่เกาะอยู่บนเม็ดเลือดขาว ซึ่งในต่างประเทศพบว่ามีการผลิตยาในรูปแบบใช้ภูมิคุ้มกันโรครักษามะเร็งแล้วและให้ผลดีในกลุ่มของมะเร็งปอดและมะเร็งผิวหนัง แต่มีราคาแพงหลอดละ 200,000 บาทซึ่งหากใครผลิตได้เองจะทำให้ต้นทุนและราคาลดลงเหลือเพียง 20,000 บาทต่อหลอดเท่านั้น

นพ.โอภาส กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์รับมอบช่วงต่อในการดูแลการทดลองทางคลินิก และให้เงินทุนสนับสนุน 3 ล้านบาทเพื่อขยาย และนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมด้านสุขภาพซึ่งจุดประสงค์หลักในอนาคตของการรักษาโรคมุ่งเน้นการตรวจลึกถึงระดับดีเอ็นเอและจีโนมซึ่งต่อไปจะเป็นข้อมูลพื้นฐานในการวินิจฉัยโรคและทำให้เทคโนโลยีดังกล่าวเห็นผลต่อการรักษาอย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ 

การช่วยเหลือร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและคณะแพทย์ฯจุฬาลงกรณ์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดำเนินการร่วมกันแบบประชารัฐและยังมุ่งหวังให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการสนับสนุนงานวิจัยต่อยอดและเป็นเจ้าของงานวิจัยร่วมกัน

 

ทั้งนี้ประชาชนหากต้องการสนับสนุนการศึกษาวิจัยและมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์สามารถสมทบทุนได้ที่ศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยสามารถได้ที่  เลขบัญชี. 408-004443-4 ชื่อบัญชีคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย(เงินบริจาคเพื่องานวิจัย) ธนาคารไทยพาณิชย์สาขาสภากาชาดไทย โดยเงินทุกบาทที่นำมาช่วยเหลือในครั้งนี้สามารถนำใบเสร็จหักลดหย่อนภาษีได้ถึง 2 เท่า.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้โรงอบลำไย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย

เพลิงไหม้โรงงานอบลำไย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่เร่งนำรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ เพื่อควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่ใกล้เคียง เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้

พุ่งไม่หยุดราคาทองคำโลกนิวไฮอีก คาดไปต่อถึง 3 พันดอลลาร์/ออนซ์

ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งแตะ 2,800 ดอลลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ นักวิเคราะห์คาดมีโอกาสพุ่งต่อถึง 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่งผลราคาทองไทยวันนี้ขึ้นต่อจากราคาปิดวานนี้ และทำนิวไฮเท่าวานนี้

ข่าวแนะนำ

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : คอมมาลา แฮร์ริส

รายงานศึกชิงทำเนียบขาว 2024 พาไปรู้จักกับนางคอมมาลา แฮร์ริส ที่เพิ่งได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ไม่กี่เดือนก่อนเลือกตั้ง เปรียบเหมือนการเปลี่ยนม้าใหม่กลางศึก หากชนะได้เธอจะกลายเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐด้วย

เปิดโครงการ “เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต” ครั้งที่ 10

นายกฯ ควง “คุณหญิงพจมาน-ครอบครัว” นำ ครม.-ประชาชน ร่วมโครงการเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สาว อบต.ตกใจ ตำรวจตามรอยเงิน 39 ล้านบาท ที่แท้ชื่อซ้ำกัน

สาว อบต. ตกใจ ตำรวจมาถึงที่ทำงาน ถามถึงเงิน 39 ล้านบาท ที่แท้ชื่อซ้ำกัน ยันไม่เคยรู้จัก “มาดามอ้อย-ทนายตั้ม” มาก่อน