กทม. 18 ต.ค.-ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีที่ทุกคนต้องจ่ายในชีวิตประจำวัน ในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญและจะขยายฐานเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ กลุ่มค้าขายออนไลน์หรืออี-คอมเมิร์ซ
ภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) เป็นภาษีที่ประเทศไทยนำมาใช้ตั้งแต่ปี 2535 ในช่วงที่ประเทศไทย อยู่ในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้นโดยเป็นการนำมาใช้แทนภาษีการค้า โดยภาษี VAT ที่ประกาศใช้ในครั้งแรก อยู่ที่อัตรา 10% ก่อนที่จะมีการปรับลด 7 % สำหรับข้อมูลอัตราภาษีในกลุ่มภูมิภาคเดียวกับไทย โดยจากข้อมูลล่าสุดในภูมิภาคนี้ บรูไน เป็นประเทศเดียวที่ไม่มีการจัดเก็บ VAT
นอกจากนี้ เป็นข้อมูลอีกนิด ภาษี VAT นี้ ที่มีการประกาศปรับลด มาจัดเก็บที่ 7% และรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย ต่างก็ต้องประกาศใช้มติ คณะรัฐมนตรี ขายเวลาปรับลดอัตราจัดเก็บ คงไว้ที่ 7 % เพราะเป็นภาษีที่กระทบคนจำนวนมาก และมีผลโดยตรงต่อภาวะเศรษฐกิจ ในปีนี้ก็เช่นกัน ครม.เห็นชอบให้ขยายเวลาลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ในอัตรา 6.3% ไม่รวมภาษีท้องถิ่น หรืออัตรา 7% ต่อไปอีกเป็นเวลา 1 ปี จนถึง 30 กันยายน 2562 จากเดิมที่จะครบวาระปรับลด VAT ในวันที่ 30 กันยายนนี้
ส่วนความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับการจัดเก็บ VAT มาจากมาตรการ ที่คณะรัฐมนตรี มีมติ เรื่องการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้กับผู้มีรได้น้อย เมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา ตามแนวความคิดว่าผู้มีรายได้ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อปี เวลาซื้อสินค้าควรได้รับการดูแลเรื่องการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่ควรเสียภาษีเท่ากับคนที่มีรายได้มากกว่า โดยจะใช้กลไกลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐคืนเงินให้ โดยเสีย VAT ตามจริงแค่ 1% จากปกติ 7% โดยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้บัตรซื้อของร้านธงฟ้าที่จดทะเบียนเสียภาษีและมีการติดตั้งเครื่องอุปกรณ์พ่วงอ่านบัตรจะแยกจำนวนภาษี VAT ทุกๆ ครั้งที่ใช้จ่าย
นอกจากนี้การเก็บ VAT จะมีการขยายฐานจัดเก็บรายได้เข้าสู่ภาครัฐมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ อี-คอมเมิร์ซ ซึ่งปัจจุบันมีการค้าขายอัตราเติบโตสูง 20-30% คณะรัฐมนตรี มีมติในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อรับรองการจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ VAT จากการให้บริการจากต่างประเทศโดยผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์ในต่างประเทศ ทั้งเจ้าของผลิตภัณฑ์ของตนเองแล้วนำเข้ามาขายในประเทศไทย และเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มร้านค้า ซึ่งกฎหมายได้กำหนดว่าผู้ประกอบการทั้งสองประเภท จะต้องมาจดทะเบียน VAT และจัดตั้งบริษัทตัวแทนในประเทศไทย .-สำนักข่าวไทย