กรุงเทพฯ 13 ก.ย.-ทีมข่าวสำนักข่าวไทยยังคงเกาะติดกรณีน้องบอส นิสิตชั้นปี 1 คณะพาณิชยนาวีฯ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา บาดเจ็บสาหัสสืบเนื่องจากเหตุการณ์การรับน้อง ขณะที่เยาวชนอาชีวะแห่งหนึ่ง ซึ่งเคยถูกรุ่นพี่รับน้องอย่างรุนแรง เปิดใจความโหดร้ายที่เคยถูกกระทำ ทำให้ต้องนำไปใช้กับบุคคลอื่น จนต้องเข้าไปอยู่ในสถานพินิจ
รุ่นน้องตกเป็นเหยื่อความรุนแรง ถูกบังคับ ทำให้อับอาย ได้รับบาดเจ็บ บางรายเสียชีวิต เหตุที่เกิดซ้ำซาก วนอยู่ที่เดิม พ่อน้องบอส เหยื่อรับน้องรายล่าสุด เล่าว่า หลังรับแจ้งว่าลูกอยู่ห้องไอซียู ตนช็อก เพราะคาดไม่ถึง ส่งลูกมาเรียนที่มหาวิทยาลัย แต่ต้องเจอเรื่องเช่นนี้ หากอยู่ในพื้นที่อันตรายก็พอทำใจได้ แม้อาการน้องบอสดีขึ้น ถอดเครื่องช่วยหายใจ คนเป็นพ่อแม่ยังใจหาย ตนไม่ติดใจเอา เรื่องแต่ไม่อยากให้เกิดเหตุอีก รัฐต้องยกเลิกกิจกรรมที่ไม่สมควรอย่างเด็ดขาด
น้องนาย นามสมมติวัย 18 ปี เคยทำผิดข้อหาพยายามฆ่าเพื่อนต่างสถาบัน เขาเล่าว่า ตอนเรียนถูกรับน้องโหด รุ่นพี่บังคับให้ทำกิจกรรม ทำร้ายร่างกาย ปลูกฝังให้รักเพื่อน แต่เป็นศัตรูกับสถาบันอื่น ความคิดและความเชื่อส่งต่อให้เป็นคนชอบใช้ความรุนแรง จนเกือบทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ทัศนคติของรุ่นพี่จึงเป็นต้นตอปัญหาที่ควรเร่งแก้ไข
ด้านทนายความเสนอให้ผู้ปกครองเรียกร้องความยุติธรรม อย่ามองว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะยิ่งทำให้เกิดปัญหาซ้ำซาก หากนักศึกษาติดระบบอำนาจนิยมจะส่งผลต่อการทำงานในอนาคต หากพยานหลักฐานชัดเจน จะอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ได้ เพราะมีความผิดตามกฎหมายอาญา
เครือข่าวเยาวชนฯ สำรวจความคิดเห็นนักศึกษาต่อการรับน้อง พบร้อยละ 70 ผ่านการรับน้อง พฤติกรรมที่เจอมากที่สุด คือ ถูกบังคับให้ทำเเละก่อให้เกิดความอับอาย ใช้ถ้อยคำหยาบคายข่มขู่จนทำให้เครียดเเละกดดัน, ร้อยละ 10 คิดว่าปัญหาต้องเเก้เร่งด่วน, ร้อยละ 90 ต้องการให้สถาบันมีบทลงโทษที่ชัดเจน สาเหตุสำคัญเพราะทัศนคติของรุ่นพี่ที่สืบทอด สถานศึกษาไม่มีระบบการควบคุม ข้อกฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ เเละนโยบายรัฐไม่ชัดเจน.-สำนักข่าวไทย