กรุงเทพฯ 4ต.ค. –บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี และกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อสร้างถนนพลาสติกรีไซเคิลเส้นแรกในนิคมอุตสาหกรรม ณ ต้นแบบเมืองอัจฉริยะอมตะซิตี้ชลบุรี
นายวิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อำนวยการสายงานพัฒนาที่ดิน บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน กล่าวว่า ความร่วมมือ 3 ฝ่ายครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญในการนำพลาสติกรีไซเคิลมาเป็นส่วนประกอบของการสร้างถนนในพื้นที่นำร่องภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรีเพื่อสร้างต้นแบบเมืองอัจฉริยะ(สมาร์ทซิตี้)แห่งแรกของไทย ซึ่งการสร้างถนนจากพลาสติกรีไซเคิลนอกจากจะมีความแข็งแรงทนทานและประสิทธิภาพสูงกว่ายางมะตอยทั่วไปแล้ว ยังช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกอย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
โครงการนี้วางแผนที่จะทำถนนพลาสติกรีไซเคิลในพื้นที่นิคมฯอมตะรวมทั้งสิ้น 2,600 ตารางเมตร และคาดว่าจะใช้จำนวนพลาสติกรีไซเคิลประมาณ 1.3 ตัน หรือเทียบเท่ากับถุงพลาสติก จำนวนประมาณ 1 แสนใบ โดยคาดว่าการก่อสร้างถนนพลาสติกรีไซเคิลในครั้งนี้จะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2561และจากการทดสอบโดยภาควิชาโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เปรียบเทียบคุณสมบัติของถนนยางมะตอยซึ่งใช้พลาสติกรีไซเคิลเป็นส่วนประกอบ กับถนนยางมะตอยทั่วไป พบว่าถนนยางมะตอยซึ่งมีพลาสติกรีไซเคิลเป็นส่วนประกอบนั้นมีคุณสมบัติดีขึ้นทั้งในด้าน การเพิ่มความแข็งแรงคงทน ประมาณร้อยละ 15-33 และการเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนประมาณร้อยละ 6
นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า กลุ่มดาว ได้ริเริ่มโครงการสร้างถนนยางมะตอยจากพลาสติกรีไซเคิลในประเทศอินเดียและอินโดนีเซียมาก่อนหน้านี้และได้รับความสำเร็จอย่างดีโดยมีระยะความยาวของถนนรวมกว่า 40 กิโลเมตร คุณสมบัติของพลาสติกจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงทนทานและกันการกัดเซาะของพื้นผิวถนนได้ดีขึ้นด้วยความร่วมมือของทั้ง 3 ฝ่ายในครั้งนี้จะทำให้เราสามารถพัฒนาเทคโนโลยีและรูปแบบการรีไซเคิลพลาสติกให้เหมาะสมสำหรับการทำถนนในประเทศไทยได้ดีมากยิ่งขึ้นเพื่อเป็นแนวทางหนึ่งของการลดปริมาณะพลาสติกที่ออกไปสู่ทะเลได้อย่างเป็นรูปธรรม
นายชลณัฐ ญาณารณพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี กล่าวว่า แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นแนวทางเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ให้ความสำคัญกับการรักษาคุณค่าของทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยใช้ทรัพยากรเท่าที่จำเป็น ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเอสซีจีพร้อมที่จะร่วมมือและช่วยขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาถนนพลาสติกรีไซเคิล ณ นิคมฯ อมตะซิตี้ชลบุรี ให้เป็นถนนพลาสติกรีไซเคิลที่ใช้งานได้จริง และสามารถขยายโครงการนี้ต่อไปยังภาคส่วนอื่นๆในอนาคต ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการลดปัญหาขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน
ส่วนเรื่องราคาน้ำมันที่แพงขึ้น นายชลณัฐ ยอมรับว่ากระทบต่อส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ของ HDPE-แนฟทา และ PP-แนฟทา จะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ประกอบกับคำสั่งซื้อเม็ดพลาสติกที่ปรับตัวลดลง จากผลกระทบความกังวลของสงครามการค้าระหว่างประเทศจีน และประเทศสหรัฐ โดยปัจจุบันส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ PP-แนฟทา อยู่ที่ราว 600 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ HDPE-แนฟทา อยู่ที่ราว 600 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งลดลงจากช่วงครึ่งปีแรกที่ระดับ 700 เหรียญสหรัฐต่อตัน อย่างไรก็ตามบริษัทได้ปรับราคาขายให้สะท้อนกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับได้มุ่งเน้นขายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงมากขึ้น (HVA) โดยปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้อยู่ราวร้อยละ 31 โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ดังกล่าวขึ้นร้อยละ 1-2 ต่อปี และยังได้มองหาวิธการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย-สำนักข่าวไทย