นนทบุรี 1 ต.ค. – “สนธิรัตน์” ขอใช้เวลาที่เหลือก่อนเลือกตั้ง เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก หวังสร้างความต่างก่อนเดินหน้าเลือกตั้ง ไม่หวั่นเสียงต้านขอทำประโยชน์ต่อประเทศชาติ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงทิศทางการทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หลังจากประกาศตัวเข้าทำงานการเมืองในตำแหน่งเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า ได้ตั้งเป้าหมายขับเคลื่อนงานของกระทรวงพาณิชย์ในช่วงเวลาที่เหลืออีกไม่มาก โดยจะเน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ประชาชน และธุรกิจระดับท้องถิ่นให้เพิ่มมากขึ้น เพราะถือเป็นงานในความรับผิดชอบในฐานะรัฐมนตรีพาณิชย์ที่ต้องเดินหน้าผลักดันต่อให้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม จะเน้นเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ด้วยแนวทางเข้าไปดูแลและยกระดับราคาสินค้าเกษตรให้มีราคาสูงขึ้น เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปาล์มน้ำมัน และยังจะผลักดันให้มีการนำสินค้าเกษตรเข้าไปจำหน่ายในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาด รวมถึงสินค้าชุมชน ทำให้เกษตรกรและผู้ผลิตสินค้าชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ส่วนร้านค้าธงฟ้าประชารัฐจะยกระดับให้เป็นโชห่วยไฮบริด โดยจะผลักดันให้มีการนำระบบอี-คอมเมิร์ซมาใช้ในการซื้อขายสินค้าและพัฒนาให้มีความเข้มแข็งมากขึ้นสามารถแข่งขันกับร้านค้าสมัยใหม่ให้ได้และยังมีแผนเร่งขับเคลื่อนภาคธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี โดยจะทำการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวให้เข้าไปยังแหล่งเพาะปลูก แหล่งผลิตสินค้าเกษตร สินค้าชุมชน ขยายไปถึงที่พัก โรงแรม โฮมสเตย์ ร้านอาหาร ร้านขายของฝากของที่ระลึก ซึ่งจะมีการเชื่อมโยงกันหมดทั้งระบบ ทำให้เศรษฐกิจฐานรากเกิดการหมุนเวียน และยังได้ตั้งเป้าผลักดันให้เกิดกรมธุรกิจบริการเข้ามาดูแลภาคบริการทั้งระบบ โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสรุปและดำเนินการจัดตั้ง
ทั้งนี้ จะเร่งผลักดันให้ประชาชนทำการปลูกไม้ยืนต้นในที่ดินของตัวเอง หลังจากออกกฎกระทรวงให้สามารถนำไม้ยืนต้นมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจได้ โดยจะทำการรณรงค์อย่างหนัก เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญ เพราะการปลูกไม้ยืนต้น ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างทุนครอบครัวให้มีเงินทุนนำไปใช้จากการนำไม้ไปค้ำประกัน แต่ยังเป็นการปลูกป่าให้กับประเทศ และในอนาคตจะสามารถตัดไม้ไปใช้ประโยชน์และส่งออกได้ เนื่องจากขณะนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ปรับแก้กฎหมายให้สามารถตัดไม้และเคลื่อนย้ายไม้หวงห้ามได้ ซึ่งเป็นมาตรการสอดรับกัน ขณะที่งานด้านต่างประเทศจะเดินหน้าผลักดันการส่งออกอย่างเต็มที่ มีแผนที่จะเดินทางไปขยายตลาดให้กับสินค้าไทยอย่างต่อเนื่อง และยังเตรียมการประชุมมอบนโยบายการทำงานให้กับทูตพาณิชย์ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะมีการประเมินทิศทางการส่งออกที่เหลือของปีนี้ รวมถึงการจัดทำเป้าหมายการส่งออกของปี 2562 และการเตรียมมาตรการรับมือสงครามการค้า
“จะทำหน้าที่รัฐมนตรีตามเวลาที่เหลือตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งการลาออกนั้นทำไม่ยาก แต่เมื่อเป็นผู้บริหารกระทรวงเศรษฐกิจก็จำเป็นต้องคำนึงถึงภาพรวม และในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ หากเปลี่ยนตัวผู้บริหารจะไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ ส่วนงานด้านการเมือง กฎหมายก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้เคลื่อนไหวอะไรได้มาก เพราะพรรคพลังประชารัฐยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการจัดตั้งเท่านั้น ยังไม่มีสถานะเป็นพรรคการเมืองโดยสมบูรณ์ ขณะที่งานในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ยังต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีกหลายเรื่องโดยเฉพาะการดูแลเศรษฐกิจฐานราก สำหรับแรงกดดันให้ 4 รัฐมนตรีที่ไปมีตำแหน่งในพรรคการเมืองต้องลาออกนั้น ขอยืนยันว่าจะดำเนินการให้มีมาตรฐานสูงกว่าการเมืองในอดีต และพร้อมจะให้มีการตรวจสอบจากทุกฝ่ายว่าใช้ตำแหน่งเอื้อประโยชน์ในทางการเมืองหรือไม่” นายสนธิรัตน์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย