ขอนแก่น 25 ก.ย.-ญาติเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น กรณีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในขอนแก่น ผ่าตัดคนไข้แต่ลืมผ้าก๊อซไว้ในท้อง ต้องผ่าตัดรอบที่ 2 เพื่อนำผ้าก๊อซออก จนทำให้คนไข้เสียชีวิตเมื่อวานนี้
ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น นางบุญถม ลายภูเขียว น้องสาวของนายแอ๊ด ลายภูเขียว อายุ 53 ปี ผู้เสียชีวิตชาว อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น ว่า โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดขอนแก่น ผ่าตัดพี่ชายของเธอด้วยอาการเนื้องอกในไต แต่ลืมผ้าก๊อซไว้ในท้อง ต้องทำการผ่าตัดรอบที่ 2 ทำให้พี่ชายของเธอไม่สามารถที่จะเดินได้และอาการทรุดหนักลง กระทั่งเสียชีวิตเมื่อวานนี้(24ก.ย.)
นางบุญถม ลายภูเขียว เล่าว่า พี่ชายของเธอคือนายแอ๊ด ลายภูเขียว เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพยาบาลที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2561 ด้วยอาการไข้สูงและนอนดูอาการที่โรงพยาบาล 3 วัน กระทั่งแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกในไต จึงนัดเพื่อเข้ารับการผ่าตัดในวันที่ 2 กันยายนและพักฟื้นต่อที่โรงพยาบาลอีก 5 วัน จนอาการดีขึ้นจึงให้คนไข้กลับบ้านได้ กระทั่ง 2 สัปดาห์ต่อมา คนไข้มีอาการปวดท้องอย่างหนัก จึงพาไปที่โรงพยาบาลสีชมพู เพื่อให้แพทย์ดูอาการ ปรากฎว่าพบว่า มีเศษผ้าก๊อซอยู่ในช่องท้อง จึงส่งตัวกลับไปรักษายังโรงพยาบาลชุมแพ เพื่อทำการผ่าตัดเอาผ้าก๊อซออกและให้คนไข้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน
ขณะนั้น แพทย์โรงพยาบาลที่เกิดเหตุได้ทำสัญญาให้เงินเยียวยาแก่คนไข้ เป็นหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความ ทำขึ้นที่โรงพยาบาลที่เกิดเหตุ โดยไม่ได้ใส่ชื่อแพทย์ผู้ทำการรักษาลงในสัญญา ซึ่งมีข้อความระบุว่า “ผู้ให้สัญญาตกลงช่วยเหลือเยียวยาความเสียหาย ในกรณีที่ผู้ให้สัญญาทำการผ่าตัดรักษาบกพร่อง เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย ต้องเข้าทำการรักษาพยาบาลอีกครั้งให้แก่ผู้รับสัญญา เป็นจำนวนเงิน 40,000 บาท” ซึ่งนางบุญถมบอกว่า เป็นเงินส่วนตัวของหมอ และในขณะนั้นนายแอ๊ดยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
ต่อมานายแอ๊ดได้กลับมาพักฟื้นที่บ้าน 1 เดือนหลังการผ่าตัดครั้งที่ 2 ซึ่งนางบุญถม ยืมยันว่า พี่ชายไม่สามารถเดินได้และอาการทรุดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อวานนี้ (24 ก.ย.) ทำให้ต้องมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม โดยร้องค่าเสียหาย 200,000 บาท และค่าทำศพพี่ชายจากทางโรงพยาบาลอีก 100,000 บาท เพราะคิดว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการผ่าตัดนำเอาผ้าก๊อซออกจากช่องท้อง ทำให้อาการไม่ดีขึ้น ในขณะที่ญาติยังไม่ได้เจรจากับโรงพยาบาลฯ แต่หลังจากนี้อาจต้องพิสูจน์การเสียชีวิตที่แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด.-สำนักข่าวไทย