รมว.พลังงานย้ำเปิดประมูล “บงกช-เอราวัณ” ประเทศได้ผลประโยชน์สูงสุด

กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – รัฐมนตรีพลังงานแถลงเดินหน้าเปิดประมูลแหล่งเอราวัณ-บงกช ยื่นรับซองข้อเสนอแข่งขันวันพรุ่งนี้ ( 25 ก.ย.) ย้ำประเทศชาติได้ประโยชน์สูงสุดผลตอบแทนแก่รัฐไม่ต่ำกว่า 8 แสนล้านบาท เกิดเม็ดเงินลงทุน 1.2 ล้านล้านบาท ลดการนำเข้าก๊าซแอลพีจี 4.6 แสนล้านบาท



ล่าสุดสหภาพแรงงาน ปตท. เข้าพบ รมว. พลังงานสนับสนุนการเปิดประมูลบงกช-เอราวัณ หากล่าช้าจะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชน


นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะผู้บริหารกระทรวงพลังงานได้หารือเกี่ยวกับการเปิดประมูลฯ ว่า เรื่องนี้มีความสำคัญต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ เนื่องจากแหล่งปิโตรเลียมทั้ง 2 แหล่งเป็นแหล่งพลังงานหลักที่สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้มากกว่า 70% ของประเทศและกำลังสิ้นสุดอายุสัมปทานปี 2565-2566 เมื่อสิ้นอายุสัมปทานแล้วไม่สามารถต่ออายุกับผู้ดำเนินงานรายเดิมได้อีก ตามแผนงานเดิมต้องดำเนินงานให้ได้ผู้ประกอบการรายใหม่ให้เสร็จก่อน 5 ปีสุดท้ายก่อนสิ้นอายุสัมปทานปี 2565 ขณะนี้เหลือเวลาเพียงแค่ 3 ปี และในปี 2563 จะต้องเลือกแท่นที่มีศักยภาพในการดำเนินงานและทำการส่งมอบให้ผู้ประกอบการที่ดำเนินการต่อ ซึ่งปัจจุบันมี 278 แท่น จึงถือว่าเป็นเรื่องที่จะต้องทำให้เสร็จก่อนสิ้นอายุสัมปทาน หากล่าช้าไปกว่านี้จะทำให้ไม่สามารถส่งมอบทรัพย์สินให้ผู้ประกอบการที่มาดำเนินการต่อได้ทันเวลา 

นายศิริ กล่าวว่า วันที่ 25 กันยายน 2561 เป็นเพียงวันที่รับมอบข้อเสนอเท่านั้น ส่วนระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC ) ที่นำมาใช้ในการประมูลครั้งนี้ได้มีการศึกษา โดยพิจารณาอย่างรอบคอบ และได้ทำการชี้แจงมาโดยตลอด ดังนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างสูงสุด กระทรวงพลังงานจึงต้องเดินหน้ารับข้อเสนอการประมูลในระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิตตามกำหนดการที่ได้ประกาศไว้


สำหรับการประมูลแหล่งเอราวัณ-บงกชครั้งนี้ คาดว่าการพัฒนา 2 แหล่งนี้ จะสามารถสร้างผลประโยชน์ให้รัฐในรูปค่าภาคหลวง ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และส่วนแบ่งกำไร ประมาณ 800,000 ล้านบาท ตลอดจนก่อให้เกิดการจ้างงานพนักงานคนไทยในสัดส่วน 80% ในปีแรก และอย่างน้อย 90% ในปีที่ 5 ตามเงื่อนไขหลักสำคัญที่ระบุไว้ใน TOR นอกจากนี้ ยังช่วยลดการนำเข้าก๊าซแอลพีจีได้ประมาณ  22 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ  460,000 ล้านบาท และยังก่อให้เกิดการลงทุนหมุนเวียนในประเทศอีกประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท 

ในวันที่ 25 กันยายน 2561 กำหนดให้ผู้ที่มีสิทธิ์เข้าร่วมการประมูลยื่นเอกสาร 4   ซองด้วยกันประกอบด้วย ซองที่ 1 เป็นซองด้านคุณสมบัติของผู้ประกอบการปิโตรตามกฎหมาย  ซองที่ 2 การยอมรับเงื่อนไขให้ภาครัฐเข้าร่วมในสัดส่วน 25%  ซองที่ 3 ข้อเสนอทางเทคนิค ประกอบด้วยแผนการลงทุน แผนการพัฒนาแหล่ง แผนช่วงรอยต่อ และแผนบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม  และซองที่ 4 ซองด้านผลประโยชน์ตอบแทนรัฐ ภายหลังจากยื่นซองแล้วจะใช้เวลาพิจารณา  2  เดือน และคาดว่าจะสามารถนำเสนอคณะกรรมการปิโตรเลียมปลายเดือนพฤศจิกายน 2561 

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้ดำเนินการเปิดประมูลเป็นการทั่วไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กพช.) เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2559 โดยให้มีการปรับแก้กฎหมายพระราชบัญญัติปิโตรเลียมโดยเพิ่มระบบแบ่งปันผลผลิต (PSC) และระบบจ้างบริการ (SC) ไปด้วยนอกเหนือจากระบบสัมปทาน พร้อมทั้งการออกกฎหมายลำดับรอง ซึ่งผ่านกระบวนการต่าง ๆ ตามขั้นตอนมาโดยลำดับ ส่วนขั้นตอนการเปิดประมูล เป็นการเปิดประมูลตามมาตรฐานสากลที่โปร่งใสโดยกระทรวงพลังงานได้เริ่มประกาศเชิญชวนเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2561 และมีการประกาศเงื่อนไขการประมูลผ่านทางเว็บไซต์ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ โดยนักลงทุนที่สนใจสามารถดาวน์โหลดได้จากทั่วโลก หลังจากนั้นกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้เปิดห้อง Data Room ให้ผู้เข้าร่วมประมูลได้ศึกษาข้อมูลแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G1/61(เอราวัณ) และ G2/61  (บงกช) อย่างเท่าเทียมกัน เพื่อจัดทำข้อเสนอด้านเทคนิคและผลประโยชน์ตอบแทนรัฐ

นายศิริ กล่าวว่า กระทรวงพลังงานได้เตรียมความพร้อมทั้งบุคลากรและขั้นตอนการดำเนินการ จึงขอให้ประชาชนทุกคนมั่นใจได้ว่ากระทรวงพลังงานจะดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างโปร่งใส และยึดมั่นในผลประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก และได้ดำเนินการตามขั้นตอนตามข้อกฎหมายที่กำหนดไว้ และมีการเปิดเผยทุกขั้นตอนต่อสาธารณชนผ่านสื่อและเว็บไซต์ของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติมาโดยตลอด โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประเทศและประชาชนมีก๊าซธรรมชาติจากแหล่งพลังงานในประเทศใช้อย่างต่อเนื่องในราคาที่ไม่แพง เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 11.00 น. นายบวร วงศ์สินอุดม รองประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนกระทรวงพลังงานเดินหน้าเปิดประมูลแหล่งเอราวัณ-บงกช ให้เกิดความสำเร็จ  เพื่อสร้างหลักประกันด้านความมั่นคงทางด้านพลังงานให้ภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาพลังงานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นักท่องเที่ยวแห่ไหว้ขอพรพญานาค ท่าน้ำวัดโคกเปี้ยว จ.สงขลา

นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวมาเลเซีย แห่เดินทางท่องเที่ยว กราบสักการะบูชา ขอพร พญานาค บริเวณท่าน้ำวัดโคกเปี้ยว ริมทะเลสาบสงขลา ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

เผยเครื่องบินของ jeju air บิน 13 เที่ยวใน 48 ชม. ก่อนเกิดเหตุตก

แหล่งข่าวทางด้านอุตสาหกรรมการบินของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เครื่องบินของสายการบินเชจู แอร์ ลำที่เกิดอุบัติเหตุตกที่คร่าชีวิต 179 ราย ถูกพบว่ามีการบินใฃ้งาน 13 เที่ยวบินในช่วงเวลา 48 ชั่วโมง

เชจูแอร์ล้อไม่กาง

เชจู แอร์ ประสบปัญหาล้อไม่กางอีกลำ

เกิดเหตุระทึกกับเที่ยวบินของสายการบินเชจู แอร์ ของเกาหลีใต้อีกลำหนึ่งจนต้องบินวกกลับสนามบินต้นทางหลังพบปัญหาที่ระบบล้อที่เพิ่งเกิดกับเที่ยวบิน กรุงเทพฯ-มูอัน และพบเป็นเครื่องบินโบอิ้ง รุ่นเดียวกัน

ไฟไหม้โรงแรมย่านข้าวสาร เสียชีวิต 3 คน

ระทึกกลางดึก! ไฟไหม้โรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนข้าวสาร เจ้าหน้าที่เข้าสกัดเพลิงและเร่งช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างอยู่ภายใน เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 3 ราย

ข่าวแนะนำ

ผลสำรวจยอดฮิต

ซูเปอร์โพล เปิดผลสำรวจ 10 อันดับยอดฮิต – ยอดแย่ ปี 2567

ซูเปอร์โพล เปิดผลสำรวจ 10 อันดับอะไรยอดฮิต – อะไรยอดแย่ แห่งปี 2567 มาดูกันว่าปีที่ผ่านมา มีอะไรที่ฮิตสุดๆ และมีอะไรที่ถูกจดจำในทางลบบ้าง

เคาท์ดาวน์ปีใหม่

ทั่วไทยเคาท์ดาวน์คึกคัก เฉลิมฉลองต้อนรับศักราชใหม่ 2568

ทั่วไทยคึกคัก เฉลิมฉลองเคาท์ดาวน์ต้อนรับศักราชใหม่ 2568 หลายพื้นที่จัดงานยิ่งใหญ่ สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่แห่เข้าร่วมกิจกรรมคับคั่ง

ตักบาตรปีใหม่

ปชช.ร่วมตักบาตรวันปีใหม่ 2568 เพื่อความเป็นสิริมงคล

ประชาชนร่วมกิจกรรมตักบาตร​ รับปีใหม่ 2568 เนืองแน่น​ “สุดาวรรณ” เผยตัวเลขสวดมนต์ข้ามปี กว่า 12 ล้านคน พร้อมเชิญชวนสักการะพระเขี้ยวแก้ว ถึง 14 ก.พ.นี้