เอฟทีเอไทย – ศรีลังกา รอบ 2 รุดหน้า ตั้งเป้าสำเร็จปี 63

นนทบุรี  23 ก.ย. – พาณิชย์เผยผลเจรจาเอฟทีเอไทย – ศรีลังกา รอบ 2 คืบหน้า ทั้งการเปิดตลาดสินค้า บริการ ลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ มุ่งหวังสรุปผลการเจรจาภายในปี 2563 ดันเป้าการค้าทะลุ 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ



นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การประชุมเจรจาเอฟทีเอไทย-ศรีลังกา ครั้งที่ 2 ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 19 – 21 กันยายน 2561 ณ โรงแรมเรเนซองส์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้สานต่อการประชุมเอฟทีเอครั้งแรกที่ศรีลังกาจัดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยการเจรจาครั้งนี้เป็นไปตามแผนการเจรจาที่ได้เคยตกลงกันไว้ เพื่อให้สามารถสรุปผลการเจรจาได้ภายในปี 2563 ตามเจตนารมณ์ของผู้นำทั้ง 2 ประเทศ


นางอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมครั้งนี้ ประกอบด้วย การประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้า และการประชุมคณะทำงาน 7 ชุด โดยแต่ละชุดเริ่มยกร่างข้อบทความตกลง ซึ่งครอบคลุมทั้งการค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ถือว่าประสบความสำเร็จและมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก อาทิ การค้าสินค้า ทั้ง 2 เห็นพ้องให้นำรายการสินค้าทุกรายการขึ้นโต๊ะเจรจา เพื่อให้มีการลดและยกเลิกภาษีระหว่างกัน และอาจมีข้อยกเว้นสำหรับสินค้าอ่อนไหว การค้าบริการ ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถหาข้อสรุปได้ในเกือบทุกข้อบท โดย 2 ฝ่ายตกลงที่จะแลกเปลี่ยนข้อเรียกร้องการเปิดตลาดบริการ (Request List) ในการประชุมครั้งต่อไป การลงทุน ทั้ง 2 ฝ่ายได้ข้อสรุปในเรื่องโครงสร้างข้อบทการลงทุนว่าควรครอบคลุมทั้งประเด็นการเปิดเสรี การส่งเสริมการอำนวยความสะดวก และการคุ้มครองการลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ รองรับการเปิดเสรีระหว่างกัน ทั้งนี้ ศรีลังกาจะเป็นเจ้าภาพการประชุมเจรจาเอฟทีเอไทย – ศรีลังกา ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 18 – 20 ธันวาคม 2561 ณ กรุงโคลัมโบ

ทั้งนี้ ศรีลังกาเป็นตลาดใหม่ในภูมิภาคเอเชียใต้มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงถึงร้อยละ 6 ต่อปี มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศที่ทันสมัยและมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อผลักดันศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งทางทะเล (Marine Hub) เชื่อมโยงยุโรป อเมริกาเหนือ และแอฟริกา นอกจากนี้ ศรีลังกายังมีวัตถุดิบและทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูร เหมาะแก่การเป็นฐานการผลิตและการลงทุนของไทยในหลายอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพ อาทิ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร การประมง อัญมณีและเครื่องประดับ รวมถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ในปี 2560 ศรีลังกาเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ โดยการค้าระหว่างไทยและศรีลังกามีมูลค่า 512.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2561 การค้า 2 ฝ่ายมีมูลค่า 320 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.7 โดยไทยส่งออกไปศรีลังกา 272 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากศรีลังกา 48 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันการลงทุนของไทยในศรีลังกามีมูลค่าประมาณ 385 ล้านเหรียญสหรัฐ ในสาขาต่าง ๆ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ปูนซีเมนต์ เกษตร เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบนายกฯ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบ “แพทองธาร” นายกฯ ชื่นชมเป็นคนเก่ง-มองโลกบวก เป็นหน้าตาของประเทศ นำเสนอวัฒนธรรม-ซอฟต์พาวเวอร์ ผ่านการประกวด พร้อมชวนร่วมงานรัฐบาล สร้างแรงบันดาลใจเด็กๆ ขณะที่ นายกฯ เขินถูกชมว่าตัวจริงสวย

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง