เพชรบูรณ์ 17 ก.ย.-นายกฯ ลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ เยี่ยมชมการปลูกไม้มีค่าทางเศรษฐกิจ ตั้งเป้าให้มีชุมชนไม้มีค่า 20,000 ชุมชน ชี้จะทำให้มีป่าเพิ่มขึ้น 26 ล้านไร่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคระรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ลงพื้นที่เยี่ยมชมการปลูกไม้มีค่าทางเศรษฐกิจและการประเมินมูลค่าไม้มีค่า อาทิ ต้นสักทอง ต้นมะฮอกกานี ต้นประดู่ ต้นมะขาม ณ สวนป่าเกษตรห้วยแสนคำ ต.บ้านหวาย อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ โดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติได้นำเสนอภาพรวมของการขยายผลโครงการชุมชนไม้มีค่าและการสร้างความยั่งยืนด้วยการวิจัยและนวัตกรรม กรมป่าไม้ได้นำเสนอการคัดเลือกพันธุ์ไม้ กล้าไม้ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ได้นำเสนอการประเมินมูลค่าไม้มีค่าและกลไกการใช้ไม้มีค่าเพื่อเป็นหลักประกันทางเศรษฐกิจ
นายกรัฐมนตรีได้มอบกล้าไม้มีค่าทางเศรษฐกิจให้แก่เครือข่ายชุมชนปลูกไม้สวนป่า พร้อมพบปะพูดคุยและมอบนโยบายในโครงการ “ชุมชนไม้มีค่า เพื่อเกษตรกรไทย”ให้แก่ชาวบ้านและเครือข่ายชุมชนปลูกไม้สวนป่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้นำไม้กระถินณรงค์และไม้กระถินเทพามาผสมพันธุ์จนทำให้ลำต้นตรงมาจัดแสดง ซึ่งสามารถขายได้เมื่อมีอายุประมาณ 10 ปี โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่าน่าจะส่งเสริมให้ปลูกในพื้นที่เขาหัวโล้น จะช่วยเพิ่มรายได้ ให้กับประชาชน นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ปลูกต้นไม้โตเร็วในพื้นที่ภูเขาหัวโล้นเพื่อเป็นร่มเงาด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมเกษตรกรและส่งเสริมการปลูกไม้มีค่า อาทิ ไม้สักทอง ไม้มะค่า ไม้พะยูง ซึ่งแม้จะโตไม่ทันรุ่นนี้ แต่จะโตในอนาคตและเป็นประโยชน์สร้างรายได้กับรุ่นหลานต่อไป โดยขอให้ชุมชนช่วยกันปลูกต้นไม้ จะเป็นชนิดใดก็ได้ที่ให้ร่มเงา เพื่อให้พื้นที่ป่ายังคงอยู่ ซึ่งการขึ้นทะเบียนต้นไม้เพื่อเป็นหลักทรัพย์และเป็นมรดกให้ลูกหลาน ซึ่งเกษตรกรสามารถทำนาด้วยและปลูกไม้มีค่าด้วย รัฐบาลตั้งเป้าให้มีชุมชนไม้มีค่า 20,000 ชุมชน ซึ่งจะมีป่าเพิ่มขึ้น 26ล้านไร่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยากให้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลนี้ไม่หลอกลวง ไม่ได้หวังผลประโยชน์ และการลงพื้นที่เพราะต้องการพบประชาชนในพื้นที่ ส่วนรัฐบาลหน้าจะอยู่ครบ 4 ปีหรือไม่ อยู่ที่ประชาชนเลือก ดังนั้น ต้องเลือกให้ดี ถ้าเลือกมาแล้ววุ่นวายแบบเดิม ก็อยู่ไม่ครบวาระอีก
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกอย่างไม่ว่าจะการปฏิรูป การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมโยง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้สมบูรณ์ เพราะมีรอยต่อและอุปสรรคที่จำเป็นต้องแก้ไขกฏหมายทั้งสิ้น แม้จะมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็ไม่ใช่ว่าจะแก้ไขกฏหมายได้ง่าย ๆ เพราะต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนด้วย ซึ่งทั้งหมดคือประชาธิปไตย จึงขออย่าให้ใครมาบิดเบือนเรื่องต่าง ๆ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (18 ก.ย.) จะนำปัญหาของเกษตรกรโดยเฉพาะเรื่องของที่ดินเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยยืนยันว่าเป็นการทำเพื่อทุกคน ไม่ใช่รัฐบาลจะสืบทอดอำนาจ
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังโรงแรมอิมพิเรียล ภูแก้ว ฮิลล์ รีสอร์ท อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบุรณ์ เพื่อเยี่ยมชมสินค้าเกษตรปลอดภัยภายใต้แบรนด์ “กรีนมาร์เก็ตเพชรบูรณ์” อาทิ ผักเมืองหนาวปลอดสารพิษ อะโวคาโด้ เสาวรส ฟักข้าว แครอท และผลิตภัณฑ์ของดีเพชรบูรณ์อาทิ การแปรรูปผลิตภัณฑ์แมคคาดีเมีย และผ้าเขียนเทียน
ทั้งนี้ เป็นแบรนด์และแหล่งจำหน่ายสินค้าเกษตรปลอดภัย มีการบริหารงานในรูปแบบคณะกรรมการ ประกอบด้วยภาครัฐ เอกชน ภาคประชาชน ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้เกษตรรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นสหกรณ์ และการขับเคลื่อนโดยการตลาด ตลอดจนพบกับผู้แทนเครือข่ายชุมชนเขาค้อ เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในความภูมิใจของจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ดำเนินการในรูปแบบประชารัฐตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้เกษตรกรได้รับประโยชน์สูงสุด ที่จะสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนร่วมกับทุกภาคส่วน ในการพัฒนาเศรษฐกิจระดับฐานรากให้สามรถพึ่งพาตนเองตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านเกษตรอินทรีย์ บ้านริมสีม่วง 1ใน 8 หมู่บ้านเกษตรอินทรีย์ต้นแบบของประเทศไทย เที่ยวฟาร์มท่ามกลางธรรมชาติ จุดเช็คอินแห่งใหม่ของคนรักสุขภาพ โดยเมื่อมาถึงนายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมสินค้าจากกลุ่มกรีนมาร์เก็ตเพชรบูรณ์ สหกรณ์ผู้ผลิต โดยชุมชนเผ่าม้ง ที่เปลี่ยนวิถีชีวิตมาทำเกษตรอินทรีย์ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้พบผู้แทนเครือข่ายชุมชนเขาค้อ เพื่อสนทนาแนวทางการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเขาค้ออย่างยังยืน.-สำนักข่าวไทย
