“อัจฉริยะ” พาอดีตผู้ใหญ่บ้านร้อง ตร.ภาค 7 หลังถูกแจ้งตาย

นครปฐม 14 ก.ย.-ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมพาอดีตผู้ใหญ่บ้านร้องตำรวจภาค 7 หลังถูกนำชื่อไปแจ้งตาย ทำให้ขาดสิทธิ ด้านหญิงวัย 42 ปี คนที่ไปแจ้งตาย ยืนยันไม่มีเจตนาแอบอ้างสวมชื่อ


เมื่อวานนี้ (13 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 7 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วยนายประเสริฐ สุขแตง อายุ 61 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.วังน้ำเขียว อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อให้เร่งรัดการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ กรณีที่ น.ส.ฤดี มนูเลิศ อายุ 42 ปี ชาวบ้านหมู่ 9 ต.ท่าคอย อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี นำชื่อนายประเสริฐ สุขแตง ไปแจ้งเสียชีวิตแทนบุคคลอื่น เพื่อให้เทศบาลเมืองเพชรบุรีออกใบมรณบัตรให้ โดยเหตุเกิดที่ จ.เพชรบุรี ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ขณะนี้ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และขอคืนสิทธิความเป็นมนุษย์ของนายประเสริฐ สุขแตง อดีตผู้ใหญ่บ้านแล้ว

นายประเสริฐ สุขแตง เล่าว่า ตนเพิ่งทราบว่าถูกแจ้งตายไปแล้ว ก่อนหน้านี้ประมาณเดือนเมษายน ตนเดินทางไปทำธุระที่เกาะสอง แต่ด่านตรวจคนเข้าเมืองไม่อนุญาตให้เดินทาง โดยไม่บอกเหตุผล ตนก็เข้าใจว่าเพราะการย้ายที่อยู่ของตน ทำให้ระบบทะเบียนราษฎร์แสดงผลผิดปกติ จนประมาณเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตนจะเดินทางไปทวาย โดยผ่านทางด่าน จ.กาญจนบุรี แต่ไม่สามารถผ่านได้ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าชื่อนายประเสริฐ สุขแตง ถูกย้ายไปอยู่ทะเบียนบ้านกลาง ให้ไปตรวจสอบความถูกต้องที่อำเภอ ตนจึงเดินทางกลับมาติดต่อที่อำเภอ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบในระบบก็พบว่าถูก น.ส.ฤดี มนูเลิศ แจ้งตายไว้ที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี ตนจึงไม่สามารถใช้สิทธิในการเดินทางออกต่างประเทศได้ ขณะนี้ได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เมือง จ.นครปฐม และที่ สภ.เมือง จ.เพชรบุรี เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และขอคืนสิทธิความเป็นมนุษย์ให้กับตนเอง


นางอรรัมภา ชาวนาไร่ อายุ 45 ปี ภรรยาของนายประเสริฐ เล่าว่า นายประเสริฐมีญาติชื่อเดียวกันอีก 1 คน อายุ 60 ปี อาชีพเกษตรกร อยู่ที่บ้านหมู่ 3 ต.ลำเหย อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ซึ่งต่างก็ไม่รู้ว่าถูกแจ้งตาย ปัญหาใหญ่คือ หากเจ็บป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลจะสามารถใช้สิทธิประโยชน์ในการรักษาได้หรือไม่ หรือหากจะทำธุรกรรมทางการเงิน อสังหาริมทรัพย์ จะมีปัญหาอะไรหรือไม่  

ด้านนายอัจฉริยะ กล่าวว่า การเดินทางมาในวันนี้เพื่อยื่นเอกสารต่อ พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รอง ผบช.ภ.7 ซึ่งได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุขพัฒน์ เชยชิด รอง ผบก.อำนวยการ สำนักงานตำรวจภูธรภาค 7 มารับหนังสือแทน โดยขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนพฤติกรรมของผู้กระทำการดังกล่าวว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่ อย่างไร แล้วผู้ตายเป็นใครมาจากไหน เหตุใดจึงได้นำชื่อบุคคลอื่นมาแจ้งตายแทน และจะให้ผู้เสียหายไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งโรงพยาบาลและเทศบาลที่ออกใบมรณบัตรโดยไม่ตรวจสอบให้ถูกต้อง อาจจะทำให้ผู้เสียหายหรือผู้ที่ถูกแจ้งตายได้รับผลกระทบตามมาในภายหลังอีกมากมาย

หลังประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมนำครอบครัวของนายประเสริฐ สุขแตง ที่ถูกบุคคลอื่นแจ้งตายไปแล้ว ทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ และไปร้องตำรวจภูธรภาค 7 ช่วยตรวจสอบคืนสถานะให้ ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบผู้แจ้งใน จ.เพชรบุรี เพื่อขอรายละเอียดที่ไปที่มา


โดยผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านที่หมู่ 9 ต.ท่าคอย อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เพื่อพบกับ น.ส.ฤดี  มนูเลิศ อายุ 43 ปี ผู้ซึ่งระบุว่าเป็นลูกสาวของนายประเสริฐ สุขแตง อายุ 72 ปี หลังมีผู้ไปแจ้งความว่ามีผู้เสียหายไปแจ้งความว่าถูกนำชื่อและนามสกุลของผู้เสียหายไปแจ้งตายไว้ที่เทศบาลเมืองเพชรบุรี จึงอยากให้ น.ส.ฤดี เล่ารายละเอียดว่าเป็นมาอย่างไร

น.ส.ฤดี เล่าว่า ตนเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อประเสริฐกับแม่เล็ก หรือนางเล็ก มนูเลิศ อายุ 72 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชนอยู่ที่หมู่ 3 ต.ดอนขุนห้วย อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ซึ่งพื้นเพเดิมเป็นคน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ตอนเด็กๆ พ่อแม่นำตนไปฝากป้าสะใภ้เลี้ยงอยู่ที่ จ.นครปฐม เพราะพ่อแม่ไปทำงานต่างจังหวัด ซึ่งตอนนั้นป้าเป็นคนนำชื่อตนเข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของป้าที่ จ.นครปฐม โดยมีผู้ใหญ่บ้านไปรับรองให้ในสมัยนั้น กระทั่งต่อมาพ่อแม่และตนเองได้มาอยู่ร่วมกันที่บ้านหลังปัจจุบัน ซึ่งอยู่ใน อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี แต่พ่อตนเองซึ่งก็เรียกชื่อว่าประเสริฐมาตั้งแต่จำความได้ ซึ่งก็ไม่เคยเห็นบัตรประชาชนพ่อ แต่ก็ไม่ได้สนใจ

กระทั่งพ่อป่วยเข้าโรงพยาบาลก็ทราบว่าพ่อไม่มีบัตรประชาชน ต้องจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลเอง เพราะไม่มีสิทธิในบัตรใดๆ ทั้งสิ้น และครั้งสุดท้ายมารักษาตัวที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าได้ 3 วัน พ่อก็เสียชีวิต ซึ่งแพทย์จะต้องระบุรายละเอียดในใบแจ้งตาย ทำให้ตนต้องนำทะเบียนบ้านที่มีชื่อของตนและชื่อพ่อแม่ที่ระบุไว้พร้อมเลขประจำตัวประชาชนมาแสดง ทางโรงพยาบาลจึงออกใบแจ้งตายตามรายละเอียดดังกล่าวให้ ตนจึงไปแจ้งตายที่เทศบาลเมืองเพชรบุรี ซึ่งเป็นท้องที่ที่พ่อเสียชีวิต และก็ไม่ได้สนใจว่าในใบแจ้งตายมีที่อยู่อย่างไร ซึ่งคิดว่าเป็นที่อยู่เดิมที่พ่ออยู่ กระทั่งมาทราบข่าวว่ามีผู้เสียหายไปแจ้งความเรื่องที่ตนไปแจ้งตาย ชื่อนาม-สกุล และรหัสประจำตัวประชาชนซ้ำกัน ซึ่งเมื่อทราบเรื่องก็ตกใจ เพราะมีตำรวจมาเชิญตัวไปสอบปากคำ 2 ครั้งแล้ว ทั้งที่ สภ.ท่ายาง และที่ อ.เมืองเพชรบุรี

ขณะที่นางเล็ก มนูเลิศ ผู้เป็นแม่ของ น.สฤดี เล่าว่า เดิมตนเป็นคน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ไปรู้จักกับนายประเสริฐที่ จ.ราชบุรี และชอบพอกัน อยู่กินด้วยกัน คนสมัยก่อนไม่ได้สนใจอะไร รู้แต่เพียงว่าสามีตนเองเคยบอกว่ามาจากภาคใต้ เคยเห็นแต่บัตรเหลือง ภายหลังสามีตนก็ทิ้งไป และไม่เคยเห็นบัตรประชาชนของสามี ซึ่งก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร อยู่กินกันเรื่อยมา กระทั่งมาทราบเรื่องตอนที่สามีเสียชีวิตและมีผู้ไปร้องทุกข์ว่าที่ลูกสาวไปแจ้งพ่อตายมีปัญหาว่าชื่อ นามสกุล และเลขประจำตัวประชาชนซ้ำกัน ซึ่งตนและลูกสาวยืนยันว่าไม่มีเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ไปแจ้งเพราะสามีตนเสียชีวิตจริงๆ ส่วนที่มาของชื่อและนามสกุลที่ระบุไว้ในทะเบียนบ้านเป็นมาอย่างไร ผิดถูกอย่างไร ก็ไม่ทราบเหมือนกัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กั้นแนวถนนบ้านหนองจาน ตามประกาศเคอร์ฟิว

สระแก้ว 27 ส.ค. – มวลชนชาวไทยร่วมร้องเพลงชาติ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. จากนั้นทหารขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ตามประกาศเคอร์ฟิว ก่อนนำลวดหนามและเครื่องกีดขวาง กั้นแนวขอบถนนศรีเพ็ญ ห้ามผู้ใดข้ามไป เพื่อความปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงข้าหลวงใหญ่ UN ปมกัมพูชา

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เผยคุยรองข้าหลวงใหญ่ UN ปมไทย-กัมพูชา สัญญาณบวก เข้าใจไทยไม่ทำผิดกติการะหว่างประเทศ ไม่เห็นด้วย “ฮุน เซน” อัดเสียงคุยนายกฯ และการใช้สงครามข่าวปลอม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯมีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี เป็นการอธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย นายมาริษ กล่าวว่าตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง […]

“ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว

ศาลอาญาฯ 27 ส.ค. – “ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว เหตุคดีมีอัตราโทษสูง และมีทรัพย์สินมูลค่าความเสียหายสูง พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอฝากขังครั้งแรก พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือนายอลงกต พูลมุข ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ผู้ต้องหาที่ 2 ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่รักษาทรัพย์ใดฯ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุญาตให้ฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.- 7 ก.ย.นี้ โดยผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 […]