“อัจฉริยะ” พาอดีตผู้ใหญ่บ้านร้อง ตร.ภาค 7 หลังถูกแจ้งตาย

นครปฐม 14 ก.ย.-ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมพาอดีตผู้ใหญ่บ้านร้องตำรวจภาค 7 หลังถูกนำชื่อไปแจ้งตาย ทำให้ขาดสิทธิ ด้านหญิงวัย 42 ปี คนที่ไปแจ้งตาย ยืนยันไม่มีเจตนาแอบอ้างสวมชื่อ


เมื่อวานนี้ (13 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 7 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วยนายประเสริฐ สุขแตง อายุ 61 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.วังน้ำเขียว อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อให้เร่งรัดการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ กรณีที่ น.ส.ฤดี มนูเลิศ อายุ 42 ปี ชาวบ้านหมู่ 9 ต.ท่าคอย อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี นำชื่อนายประเสริฐ สุขแตง ไปแจ้งเสียชีวิตแทนบุคคลอื่น เพื่อให้เทศบาลเมืองเพชรบุรีออกใบมรณบัตรให้ โดยเหตุเกิดที่ จ.เพชรบุรี ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ขณะนี้ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และขอคืนสิทธิความเป็นมนุษย์ของนายประเสริฐ สุขแตง อดีตผู้ใหญ่บ้านแล้ว

นายประเสริฐ สุขแตง เล่าว่า ตนเพิ่งทราบว่าถูกแจ้งตายไปแล้ว ก่อนหน้านี้ประมาณเดือนเมษายน ตนเดินทางไปทำธุระที่เกาะสอง แต่ด่านตรวจคนเข้าเมืองไม่อนุญาตให้เดินทาง โดยไม่บอกเหตุผล ตนก็เข้าใจว่าเพราะการย้ายที่อยู่ของตน ทำให้ระบบทะเบียนราษฎร์แสดงผลผิดปกติ จนประมาณเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตนจะเดินทางไปทวาย โดยผ่านทางด่าน จ.กาญจนบุรี แต่ไม่สามารถผ่านได้ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าชื่อนายประเสริฐ สุขแตง ถูกย้ายไปอยู่ทะเบียนบ้านกลาง ให้ไปตรวจสอบความถูกต้องที่อำเภอ ตนจึงเดินทางกลับมาติดต่อที่อำเภอ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบในระบบก็พบว่าถูก น.ส.ฤดี มนูเลิศ แจ้งตายไว้ที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี ตนจึงไม่สามารถใช้สิทธิในการเดินทางออกต่างประเทศได้ ขณะนี้ได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เมือง จ.นครปฐม และที่ สภ.เมือง จ.เพชรบุรี เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และขอคืนสิทธิความเป็นมนุษย์ให้กับตนเอง


นางอรรัมภา ชาวนาไร่ อายุ 45 ปี ภรรยาของนายประเสริฐ เล่าว่า นายประเสริฐมีญาติชื่อเดียวกันอีก 1 คน อายุ 60 ปี อาชีพเกษตรกร อยู่ที่บ้านหมู่ 3 ต.ลำเหย อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ซึ่งต่างก็ไม่รู้ว่าถูกแจ้งตาย ปัญหาใหญ่คือ หากเจ็บป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลจะสามารถใช้สิทธิประโยชน์ในการรักษาได้หรือไม่ หรือหากจะทำธุรกรรมทางการเงิน อสังหาริมทรัพย์ จะมีปัญหาอะไรหรือไม่  

ด้านนายอัจฉริยะ กล่าวว่า การเดินทางมาในวันนี้เพื่อยื่นเอกสารต่อ พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รอง ผบช.ภ.7 ซึ่งได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุขพัฒน์ เชยชิด รอง ผบก.อำนวยการ สำนักงานตำรวจภูธรภาค 7 มารับหนังสือแทน โดยขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนพฤติกรรมของผู้กระทำการดังกล่าวว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่ อย่างไร แล้วผู้ตายเป็นใครมาจากไหน เหตุใดจึงได้นำชื่อบุคคลอื่นมาแจ้งตายแทน และจะให้ผู้เสียหายไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งโรงพยาบาลและเทศบาลที่ออกใบมรณบัตรโดยไม่ตรวจสอบให้ถูกต้อง อาจจะทำให้ผู้เสียหายหรือผู้ที่ถูกแจ้งตายได้รับผลกระทบตามมาในภายหลังอีกมากมาย

หลังประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมนำครอบครัวของนายประเสริฐ สุขแตง ที่ถูกบุคคลอื่นแจ้งตายไปแล้ว ทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ และไปร้องตำรวจภูธรภาค 7 ช่วยตรวจสอบคืนสถานะให้ ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบผู้แจ้งใน จ.เพชรบุรี เพื่อขอรายละเอียดที่ไปที่มา


โดยผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านที่หมู่ 9 ต.ท่าคอย อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เพื่อพบกับ น.ส.ฤดี  มนูเลิศ อายุ 43 ปี ผู้ซึ่งระบุว่าเป็นลูกสาวของนายประเสริฐ สุขแตง อายุ 72 ปี หลังมีผู้ไปแจ้งความว่ามีผู้เสียหายไปแจ้งความว่าถูกนำชื่อและนามสกุลของผู้เสียหายไปแจ้งตายไว้ที่เทศบาลเมืองเพชรบุรี จึงอยากให้ น.ส.ฤดี เล่ารายละเอียดว่าเป็นมาอย่างไร

น.ส.ฤดี เล่าว่า ตนเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อประเสริฐกับแม่เล็ก หรือนางเล็ก มนูเลิศ อายุ 72 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชนอยู่ที่หมู่ 3 ต.ดอนขุนห้วย อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ซึ่งพื้นเพเดิมเป็นคน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ตอนเด็กๆ พ่อแม่นำตนไปฝากป้าสะใภ้เลี้ยงอยู่ที่ จ.นครปฐม เพราะพ่อแม่ไปทำงานต่างจังหวัด ซึ่งตอนนั้นป้าเป็นคนนำชื่อตนเข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของป้าที่ จ.นครปฐม โดยมีผู้ใหญ่บ้านไปรับรองให้ในสมัยนั้น กระทั่งต่อมาพ่อแม่และตนเองได้มาอยู่ร่วมกันที่บ้านหลังปัจจุบัน ซึ่งอยู่ใน อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี แต่พ่อตนเองซึ่งก็เรียกชื่อว่าประเสริฐมาตั้งแต่จำความได้ ซึ่งก็ไม่เคยเห็นบัตรประชาชนพ่อ แต่ก็ไม่ได้สนใจ

กระทั่งพ่อป่วยเข้าโรงพยาบาลก็ทราบว่าพ่อไม่มีบัตรประชาชน ต้องจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลเอง เพราะไม่มีสิทธิในบัตรใดๆ ทั้งสิ้น และครั้งสุดท้ายมารักษาตัวที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าได้ 3 วัน พ่อก็เสียชีวิต ซึ่งแพทย์จะต้องระบุรายละเอียดในใบแจ้งตาย ทำให้ตนต้องนำทะเบียนบ้านที่มีชื่อของตนและชื่อพ่อแม่ที่ระบุไว้พร้อมเลขประจำตัวประชาชนมาแสดง ทางโรงพยาบาลจึงออกใบแจ้งตายตามรายละเอียดดังกล่าวให้ ตนจึงไปแจ้งตายที่เทศบาลเมืองเพชรบุรี ซึ่งเป็นท้องที่ที่พ่อเสียชีวิต และก็ไม่ได้สนใจว่าในใบแจ้งตายมีที่อยู่อย่างไร ซึ่งคิดว่าเป็นที่อยู่เดิมที่พ่ออยู่ กระทั่งมาทราบข่าวว่ามีผู้เสียหายไปแจ้งความเรื่องที่ตนไปแจ้งตาย ชื่อนาม-สกุล และรหัสประจำตัวประชาชนซ้ำกัน ซึ่งเมื่อทราบเรื่องก็ตกใจ เพราะมีตำรวจมาเชิญตัวไปสอบปากคำ 2 ครั้งแล้ว ทั้งที่ สภ.ท่ายาง และที่ อ.เมืองเพชรบุรี

ขณะที่นางเล็ก มนูเลิศ ผู้เป็นแม่ของ น.สฤดี เล่าว่า เดิมตนเป็นคน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ไปรู้จักกับนายประเสริฐที่ จ.ราชบุรี และชอบพอกัน อยู่กินด้วยกัน คนสมัยก่อนไม่ได้สนใจอะไร รู้แต่เพียงว่าสามีตนเองเคยบอกว่ามาจากภาคใต้ เคยเห็นแต่บัตรเหลือง ภายหลังสามีตนก็ทิ้งไป และไม่เคยเห็นบัตรประชาชนของสามี ซึ่งก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร อยู่กินกันเรื่อยมา กระทั่งมาทราบเรื่องตอนที่สามีเสียชีวิตและมีผู้ไปร้องทุกข์ว่าที่ลูกสาวไปแจ้งพ่อตายมีปัญหาว่าชื่อ นามสกุล และเลขประจำตัวประชาชนซ้ำกัน ซึ่งตนและลูกสาวยืนยันว่าไม่มีเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ไปแจ้งเพราะสามีตนเสียชีวิตจริงๆ ส่วนที่มาของชื่อและนามสกุลที่ระบุไว้ในทะเบียนบ้านเป็นมาอย่างไร ผิดถูกอย่างไร ก็ไม่ทราบเหมือนกัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้โรงอบลำไย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย

เพลิงไหม้โรงงานอบลำไย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่เร่งนำรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ เพื่อควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่ใกล้เคียง เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้

พุ่งไม่หยุดราคาทองคำโลกนิวไฮอีก คาดไปต่อถึง 3 พันดอลลาร์/ออนซ์

ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งแตะ 2,800 ดอลลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ นักวิเคราะห์คาดมีโอกาสพุ่งต่อถึง 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่งผลราคาทองไทยวันนี้ขึ้นต่อจากราคาปิดวานนี้ และทำนิวไฮเท่าวานนี้

ข่าวแนะนำ

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : คอมมาลา แฮร์ริส

รายงานศึกชิงทำเนียบขาว 2024 พาไปรู้จักกับนางคอมมาลา แฮร์ริส ที่เพิ่งได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ไม่กี่เดือนก่อนเลือกตั้ง เปรียบเหมือนการเปลี่ยนม้าใหม่กลางศึก หากชนะได้เธอจะกลายเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐด้วย

เปิดโครงการ “เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต” ครั้งที่ 10

นายกฯ ควง “คุณหญิงพจมาน-ครอบครัว” นำ ครม.-ประชาชน ร่วมโครงการเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สาว อบต.ตกใจ ตำรวจตามรอยเงิน 39 ล้านบาท ที่แท้ชื่อซ้ำกัน

สาว อบต. ตกใจ ตำรวจมาถึงที่ทำงาน ถามถึงเงิน 39 ล้านบาท ที่แท้ชื่อซ้ำกัน ยันไม่เคยรู้จัก “มาดามอ้อย-ทนายตั้ม” มาก่อน