สำนักงานกกต. 13 ก.ย.-กกต.เร่งออกระเบียบส.ว.- ส.ส.หลังกฎหมายลูกประกาศใช้ คาดระเบียบส.ว.เสร็จสัปดาห์หน้า เชื่อเวลาพอทำไพรมารีโหวต
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แถลงว่า ภายหลังจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) และพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภภา(ส.ว.)ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว กกต.จะเร่งพิจารณาระเบียบกกต.ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายทั้งสองฉบับ โดยเบื้องต้นจะเร่งระเบียบกกต.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.ให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า เพราะพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.มีผลบังคับแล้ว
เลขาธิการกกต. กล่าวว่า เมื่อระเบียบกกต.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.ประกาศใช้ กกต.จะประกาศให้ลงทะเบียนองค์กรที่มีสิทธิเสนอชื่อบุคคลเข้าคัดเลือกเป็น ส.ว. ซึ่งจะมี 2 ประเภท คือ1. องค์กรที่มีกฎหมายจัดตั้ง และ 2. องค์กรนิติบุคคล ที่ก่อตั้งมาไม่น้อยกว่า 3 ปี และดำเนินกิจการต่อเนื่อง ไม่แสวงหาผลกำไร โดยจะเปิดรับลงทะเบียนที่สำนักงานกกต.จังหวัดทั่วประเทศ
“ส่วนบุคคลทั่วไปที่จะลงสมัครสามารถยื่นสมัครได้ที่ว่าการอำเภอ โดยวันเวลาของการดำเนินการในแต่ละขั้นตอน กกต.จะชี้แจงอีกครั้งหลังระเบียบกกต.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.ประกาศใช้ สำหรับการคัดเลือกส.ว.ในส่วนของกกต.จะต้องคัดเลือกให้ได้ 200 คนและส่งให้คสช. 15 วันก่อนวันเลือกตั้งส.ส. เพื่อให้คสช.คัดเลือกให้เหลือ 50 รายชื่อและสำรองอีก 50 ชื่อ” พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าว
เลขาธิการกกต. กล่าวว่า ส่วนการเตรียมการเลือกตั้งส.ส. ขณะนี้ยังอยู่ในช่วง 90 วันของการรอการบังคับใช้พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. โดยจะครบ 90 วันในวันที่ 10 ธันวาคม 2561 และจะเข้าสู่ระยะเวลาต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จใน 150 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2561 โดยวันสุดท้ายคือวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 ซึ่งเมื่อคลายล็อคคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 กกต.จะใช้ช่วงเวลา 90 วันที่รอการบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งให้เป็นประโยชน์ตามแนวทางของรัฐบาล โดยจะเร่งดำเนินการเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งที่จะเปิดรับฟังความคิดเห็นของพรรคการเมือง นักการเมือง ประชาชนรวม 10 วัน คาดว่าจะใช้เวลาทั้งกระบวนการประมาณ 55-60 วัน เมื่อแล้วเสร็จจะเป็นขั้นตอนการทำไพรมารีโหวตของพรรคการเมืองที่สามารถทำได้จนถึงวันก่อนรับสมัครเลือกตั้ง ถือว่าพรรคมีเวลามากกว่า 30 วันที่จะดำเนินการ
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า ระยะเวลาดังกล่าวเพียงพอที่พรรคจะทำไพรมารีโหวต เพราะแม้ว่าการหาสมาชิกพรรคจะทำได้หลังคลายล็อค และกกต.ต้องตรวจสอบคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรค แต่กฎหมายให้สมาชิกรับรองคุณสมบัติของตัวเองที่นำมายื่นสมัคร และแม้จะพบภายหลังว่าเป็นข้อมูลเท็จ บุคคลนั้นต้องถูกดำเนินคดีอาญาฐานแจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงาน รวมทั้งหากผู้นั้นไปร่วมในกระบวนการไพรมารีโหวตของพรรคก็ไม่มีผลทำให้ขั้นตอนไพรมารีโหวตของพรรคต้องเสียไป เพียงแต่คนที่ทำต้องถูกลงโทษ.-สำนักข่าวไทย
