ภูเก็ต 12 ก.ย.-แห่แชร์คลิป ชายคนหนึ่งต่อว่าเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลดัง จ.ภูเก็ต ก่อนปรี่เข้าทำร้ายร่างกาย ด้านโรงพยาบาลฯ ตั้งโต๊ะแถลงงัดวงจรปิดอีกมุมขึ้นมาให้ตรวจสอบ ส่วนเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเข้าแจ้งความแล้ว
มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอภายในโรงพยาบาล จ.ภูเก็ต ในสื่อสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง เป็นเหตุการณ์ “คุณลุง” ต่อว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งในคลิประบุว่าเป็นพยาบาลประจำห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ในลักษณะตำหนิ และบางช่วงมีการใช้ถ้อยคำที่รุนแรง ลักษณะต่อว่าต่อขาน และไม่ให้เกียรติคนไข้ ทำเหมือนกับว่าคนไข้เป็นหมูเป็นหมา โดยคลิปดังกล่าวถูกบันทึกโดยผู้ใช้ชื่อว่า “เชฟเซ็ง สิงห์ควันดำ” เผยแพร่ลง Facebook เมื่อเวลาเกือบ 23.00 น. เมื่อคืนที่ผ่านมา (11ก.ย) ซึ่งภายหลังจากคลิปดังกล่าวถูกโพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์ มีผู้เข้าไปรับชมนับแสนคน และยังมีการแชร์ต่อกันไป รวมถึงเข้าไปแสดงความคิดเห็นมากมาย ส่วนใหญ่ก็ให้ความเห็นถึงการให้บริการของโรงพยาบาลแห่งนี้ว่าควรมีการปรับปรุง โดยเฉพาะการให้บริการของเจ้าหน้าที่
ขณะที่หลายคนระบุว่าเข้าใจว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ มีผู้เข้ารับการรักษาจำนวนมาก เจ้าหน้าที่อาจมีภาวะเครียด ขณะที่ “เสียงประชาชนคนภูเก็ต” นำข้อความของผู้ที่อ้างว่าอยู่ในเหตุการณ์ เขียนเนื้อหาว่า ครอบครัวคุณลุงที่อยู่ในคลิป ได้พาญาติมารักษา โดยมีอาการชักเกร็งจนหมดสติ หากดูจากภายนอกแล้วอาการน่าเป็นห่วงมาก เพราะไม่ได้สติเลยแม้แต่นิดเดียว หน้าซีด ปากแห้ง เจ้าหน้าที่ได้ให้คนไข้นอนรอที่หน้าห้องฉุกเฉิน 10-15 นาที และผู้โพสต์ได้อ้างว่า “ไม่มีใครเดินมาดูคนไข้เลย” และยังระบุว่าหลังจากญาติกลับมาจากทำเอกสาร เจ้าหน้าที่ได้นำคนไข้เข้าห้องฉุกเฉินไป แต่ประเด็นคือพยาบาลหน้าห้องฉุกเฉินที่ใส่เสื้อปักว่า EMS อยู่ด้านหลัง ซึ่งพยาบาลคนนี้สั่งห้ามไม่ให้ญาติตามเข้าไป และผู้โพสต์ตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อห้ามญาติตามเข้าไปจะซักประวัติคนไข้ได้อย่างไรเพราะคนไข้หมดสติ ควรให้ญาติเข้าไปเล่าอาการ และที่สำคัญคือ ผู้ป่วยเป็นชาวฟิลิปปินส์
จากนั้นผู้โพสต์เล่าเหตุการณ์ว่า คุณลุงในคลิปได้เดินไปขอพยาบาลคู่กรณีอีกรอบว่า ขอเปิดประตูให้แฟนคนไข้เข้าไปดูหน่อย พูดอยู่ 3-4 รอบ แต่ไม่ทราบว่าพยาบาลคนดังกล่าวได้ยินหรือไม่ พอคุณลุงบอกครั้งที่ 5 พยาบาลคู่กรณีกลับทำสีหน้าไม่พอใจ แถมชักสายตาใส่ และพูดว่า “เมื่อกี้ให้เข้าไปแล้ว ทำไมไม่เข้าไป” ทีนี้คุณลุงจึงมีอาการโมโห ทุบเครื่อง CPU คอมพิวเตอร์จนระบบล่ม จากนั้นคุณลุงจึงบ่นว่า “คนแบบนี้ต้องโดนสักที” จากนั้นพยาบาลจึงท้าทายกันว่า “เอาเลยๆๆ” จากนั้นคุณลุงจึงง้างมือไปตบอย่างแรง แต่เพื่อนพยาบาลรับไว้ทัน
ผู้โพสต์พิมพ์ข้อความเล่าต่ออีกว่า พยาบาลคนดังกล่าวโทรเรียกสามี ก่อนหนีไปอยู่ข้างใน กระทั่งลูกสาวคุณลุงเดินมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น จึงมีคนหนึ่งตะโกนขึ้นว่า สมควรแล้วก็พูดจาไม่ดีเอง จากนั้นจึงมีพี่ป้าน้าอาในห้องนั้นตะโกนขึ้นมาเสริมว่า “ใช่!!! ทำกิริยาไม่เหมาะจะทำงานแบบนี้จริงๆ” หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็ตามในคลิปเลย โดยผู้ชายที่ชี้หน้าแล้วด่าตำรวจ คือสามีของพยาบาล มีคนได้กลิ่นเหล้าด้วย แถมสั่งการตำรวจว่าต้องการกำลังเสริมคุ้มครองภรรยา
ล่าสุด นพ.วีระศักดิ์ หล่อทองคำ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต แถลงชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ระบุว่า ชายที่ปรากฏในคลิป เป็นญาติของผู้ป่วยหญิงวัย 35 ปีคนหนึ่ง ที่เข้ามารับการรักษาภายในห้องฉุกเฉินด้วยอาการชักเกร็ง แต่ยืนยันว่า ยังมีสติและไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤติ โดยจากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าชายคนดังกล่าวเป็นผู้ขับรถนำผู้ป่วยมารักษา โดยเจ้าหน้าที่ได้อนุญาตให้ญาติผู้ป่วย 1 คนเข้าไปพร้อมกับผู้ป่วยแล้ว แต่ชายคนดังกล่าวพยายามขอให้ญาติเข้าไปเพิ่ม แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต เพราะภายในห้องฉุกเฉินมีผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก รวมถึงผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะวิกฤต ทำให้ชายคนดังกล่าวไม่พอใจ ด่าทอเจ้าหน้าที่ด้วยถ้อยคำรุนแรง และทำร้ายร่างกายด้วยการตบหน้า และยังเข้าไปภายในห้องฉุกเฉินพยายามใช้เก้าอี้ฟาดเจ้าหน้าที่ซ้ำ แต่ญาติที่มาด้วยกันเข้าห้ามได้ทัน
ด้านเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับชายคนดังกล่าวฐานทำร้ายร่างกาย โดยโรงพยาบาลให้เจ้าหน้าที่คนนี้ หยุดงานก่อน 3 วัน เพื่อพักฟื้นสภาพจิตใจ ส่วนกรณีที่ชายคนดังกล่าวกับเจ้าหน้าที่ มีการใช้ถ้อยคำจนเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ในคลิปขึ้นนั้น ยืนยันว่าจะมีการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง และพร้อมยินดีเปิดรับฟังหลักฐานจากผู้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคน
รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์ รพ.วชิระภูเก็ต ยอมรับด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจเกิดมาจากความล้มเหลวด้านการสื่อสาร ระหว่างเจ้าหน้าที่กับญาติผู้ป่วย โดยโรงพยาบาลน้อมรับปัญหาที่เกิดขึ้น และยินดีจะปรับปรุงแก้ไขป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม อยากฝากสังคมและผู้มาใช้บริการให้หันมาพูดคุยหรือสะท้อนปัญหา หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงระหว่างกัน และไม่อยากให้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ หรือการด่าทอเกิดขึ้นอีก.-สำนักข่าวไทย