จ.ลพบุรี 7 ก.ย.-นายกฯนำรัฐมนตรีลงพื้นที่จ.ลพบุรี ย้ำไม่ได้มาหาเสียง ไทยต้องเป็นประชาธิปไตยที่ไม่ขัดแย้ง ไม่ทุจริต ประเทศต้องมีทหาร มีเรือดำน้ำดูแลทรัพยากร
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ อาทิ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการและติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลพร้อมมอบนโยบายการทำงานที่จังหวัดลพบุรี โดยจุดแรกนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปที่พระนารายณ์ราชนิเวศน์หรือวังนารายณ์ ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี พร้อมพบปะประชาชนที่แต่งกายด้วยชุดไทยย้อนยุคมารอให้การต้อนรับ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาจังหวัดลพบุรีแล้วรู้สึกอบอุ่นใจเพราะมาอยู่ในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ และรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านอีกครั้ง จากที่เคยอยู่เมื่อครั้งเป็นเด็กได้ตามบิดามารับราชการที่จังหวัดนี้ จังหวัดลพบุรีเป็นดินแดนแห่งวัฒนธรรม ความสงบสุข มีความปลอดภัย เพราะมีหน่วยทหารและส่วนราชการจำนวนมาก ประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ที่ต้องเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์โดยไม่มีความขัดแย้ง มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน มีหลักคิดให้พ้นจากปัญหา การเป็นรัฐบาลจะทำให้ใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้หรือแก้ปัญหาให้เพียงจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งไม่ได้ แต่ต้องทำให้ทุกจังหวัด ยืนยันว่าไม่ได้มาทำงานการเมือง แต่มาติดตามปัญหา เพื่อทำให้คนไทยพ้นจากความยากจน
“เมื่อวานเป็นวันที่มีความสุขของคนไทย ที่จัดเลี้ยงขอบคุณทีมช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมี สถานการณ์ของทีมหมูป่า ทำให้คนทั้งโลกชื่นชมประเทศไทยและคนไทย เพราะไม่เคยเห็นความร่วมมือแบบนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายเรื่องที่เป็นความภาคภูมิใจของไทย ขณะนี้มีน้ำท่วม 7 จังหวัด มีพื้นที่เสี่ยง 17 จังหวัด ถึงอย่างไรก็ทิ้งประเทศไทยไม่ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ทุกคนอย่าใช้ความรู้สึกและเชื่อสื่อโซเชียลมีเดียมากนัก โดยเฉพาะข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นเมื่อมีปัญหา พบคนไม่ดีที่อยู่ในระบบก็ต้องเอาออกไป หรือหากใครพบการทุจริต ขอให้ร้องเรียนมาศูนย์ดำรงธรรมหรือทำหนังสือปิดผนึกแจ้งมาที่ตนเอง พร้อมรับการร้องเรียน และหากพบว่ามีความผิดจริง จะลงโทษและโยกย้ายเหมือนที่เคยดำเนินการที่ผ่านมา
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทหารไม่ใช่ศัตรูกับประชาชน ทหารมีคติพจน์คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน ขออย่าไปเชื่อคนที่พูดว่าไม่ต้องมีทหารก็ได้ เพราะทหารมีไว้ปกป้องอธิปไตยของไทย การมีกองทัพที่เข้มแข็งเพื่อป้องกันประเทศไม่ว่าจะทางบก เรือ อากาศ หรือใต้น้ำ การมีเรือดำน้ำเพื่อเตรียมการดูแลทรัพยากร ซึ่งทุกประเทศรอบไทยก็มีหมดแล้ว เราจึงจำเป็นต้องมี
“รัฐบาลทุกรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลจะต้องไม่ทุจริต หากรัฐบาลนี้มี ขอให้บอกผม ผมอยากให้สร้างหลักคิดใหม่ให้การเกษตร ท่องเที่ยวเพื่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจต้องส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ และจะทำอย่างไรเพื่อให้อุตสาหกรรมดีขึ้น โดยเชื่อว่าทุกคนคิดเรื่องไทยแลนด์ 4.0 ได้ จึงต้องเร่งพัฒนาเรื่องเหล่านี้ เพราะเสียเวลามา 4 ปีแล้ว ผมเป็นนายกรัฐมนตรี สามารถไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่รักเหรือเกลียดผม หากจะเกลียดผมก็เกลียดไป แต่ผมจะยิ่งรักทุกคนเพราะไม่ว่าจะรักหรือเกลียด ทุกรัฐบาลต้องเข้าไปดูแลทุกจังหวัด ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่ใช่สืบทอดอำนาจของผม เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งทั้งหมด” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนี้ให้งบประมาณกับทุกจังหวัดมากกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมา เพราะรัฐบาลนี้ไม่ได้มาจากพรรคการเมือง และตนเองไม่ได้อยู่พรรคไหน ขณะเดียวกันในอนาคตจะไม่มีการล้มยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เนื่องจากรัฐบาลได้วางกรอบไว้ให้แล้วตามกฏหมาย การลงพื้นที่ไม่ได้มาหาเสียง แต่มาพูดกับทุกคนว่าการเมืองต้องไม่ทำให้ประเทศถอยหลังอีกต่อไป จึงขอให้ทุกคนสัญญาและช่วยกันทำให้การเมืองและการเลือกตั้งดีขึ้น
“ส่วนรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง หากเกิดจากการรวมของหลายพรรค คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต้องทำเพื่อคนทั้งประเทศ เพราะรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยคือการทำตามเสียงส่วนใหญ่ แต่ไม่ใช่เฉพาะเสียงที่เลือกเรามา ต้องทำเพื่อเสียงส่วนใหญ่ของคนประเทศ จึงขออย่าให้ระบอบประชาธิปไตยคัดกรองแต่คนไม่ดีมา เพื่อมาแบ่งแยกภาคเหนือ ภาคใต้ ดังนั้น วันข้างหน้าใครเป็นรัฐบาลขอให้ได้รัฐบาลดี ๆ ซึ่งผมไม่ได้บอกว่าผมดีที่สุด แต่ผมทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่จัดนิทรรศการที่ลานวัฒนธรรม ระหว่างชมนิทรรศการการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้ผู้มีรายได้น้อยพร้อมสอบถามถึงการให้ความช่วยเหลือ โดยขอให้บริหารจัดการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่ให้เกิดปัญหาหนี้นอกระบบอีก
ขณะที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลช่วยพยุงราคาข้าว ซึ่งนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่าราคาข้าวต้องเป็นไปตามกลไกตลาดโลก จะกำหนดเป็นนโยบายแล้วบิดเบือนราคากลไกตลาดไม่ได้ เช่น การจะทำให้ข้าวทุกชนิดราคาเกวียนละ 15,000 บาทเหมือนในอดีตเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ที่ผ่านมารัฐบาลนี้ได้ใช้หนี้ไปแล้วกว่า 5 แสนล้านบาทตลอด 4 ปี จากที่ผ่านมารอบที่แล้ว ดังนั้น อย่าให้ใครมาบอกอีกว่าจะทำให้ราคาข้าว 15,000-20,000 บาท เพราะเป็นเรื่องถูกต้อง
นายกรัฐมนตรีและคณะได้สักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราชภายในวังนารายณ์ก่อนเดินทักทายประชาชน จากนั้นได้เดินทางไปที่สำนักงานเทศบาลตำบลเขาพระงาม เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการสุขภาวะผู้ป่วยเรื้อรังและผู้สูงอายุ ชมการสาธิตการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีทันสมัยในการบริหารจัดการผู้ป่วยและแพทย์สหวิชาชีพรวมทั้งเยี่ยมชมศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุแบบครบวงจร ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร.-สำนักข่าวไทย
