วปอ. 6 ก.ย.-นายกฯรับฟังแนวทางขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติของนศ.วปอ. ชื่นชมครอบคลุมทุกมิติงานรัฐบาล ย้ำมุ่งสู่การปฏิบัติ ไม่สร้างขัดแย้ง มีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานและร่วมรับฟังการแถลงแนวทางการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนด้วยยุทธศาสตร์ชาติของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร วิทยาลัยเสนาธิการทหาร วิทยาลัยการทัพของทั้งสามเหล่าทัพประจำปีการศึกษา 2561 โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือและผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งผู้แทนจากองค์กรต่าง ๆ ส่วนราชการและภาคเอกชนร่วมรับฟัง ในจำนวนนี้มีนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะนักเรียนวปอ.รุ่นที่ 61 มาร่วมงานด้วย
คณะนักศึกษาฯ ได้เสนอแนวทางยุทธศาสตร์เฉพาะ 6 ด้าน ได้แก่ ด้านความมั่นคงแห่งชาติและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้านเศรษฐกิจ สังคม พลังงาน ด้านทุนมนุษย์และคุณภาพชีวิต ด้านความเป็นธรรมในสังคม ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านการเมืองการปกครองและระบบบริหารจัดการภาครัฐ พร้อมทั้งเสนอแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม เป็นข้อเสนอแนะที่คณะนักศึกษาบูรณาการยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ด้านเข้าด้วยกัน เพื่อให้มีพลังในเชิงผลลัพธ์ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคง มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมที่ลดความเหลื่อมล้ำ ไม่ทิ้งภาคส่วนใดไว้ข้างหลัง พ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างยั่งยืนตลอดไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การนำเสนอของนักศึกษามีความครอบคลุมทุกมิติที่รัฐบาลทำงานอยู่ ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่มีการวางยุทธศาสตร์ชาติ จากนี้คือเดินหน้าตามหัวข้อยุทธศาสตร์ ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการปฏิบัติ และเมื่อมียุทธศาสตร์ชาติแล้ว ต้องมีแผนแม่บทนำไปสู่แผนงานของแต่ละกระทรวง ซึ่งตนเองได้ให้แนวทางและนโยบายมาตลอด 4 ปี ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ชาติเปรียบเสมือนเส้นทางให้ทุกคนเดินไป ขณะที่ทุกวันนี้โลกเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง ไทยต้องเดินหน้าไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 และต้องสร้างระบบให้เข็มแข็ง นำประเทศไปสู่การเปลี่ยนแปลงให้ทันกับประเทศอื่น ๆ
“ต้องไม่ทำให้เกิดความขัดแย้ง เพื่อเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย มีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลในอนาคต รัฐบาลไม่ได้แบ่งแยกคนจากฐานะ ทุกคนมีศักดิ์ศรีความเท่าเทียมกัน โดยมุ่งดูแลผู้ที่มีรายได้น้อยให้มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ด้วยการกระจายงบประมาณให้เหมาะสม ดูแลทุกพื้นที่และเน้นสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานให้เกิดความเท่าเทียม อย่างไรก็ตาม ประเทศยังมีปัญหาบางอย่างติดขัด จึงต้องใช้อำนาจตามมาตรา 44 ยืนยันว่าไม่ได้ใช้คำสั่งเพื่อเอื้อประโยชน์หรือต่อท่ออำนาจให้ใคร ขอบางกลุ่มอย่าบิดเบือนข้อมูล” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญคือการปรับความคิด การทำงานของหน่วยงานราชการ และต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้กระจายรายได้ลงสู่ระดับล่างให้มากขึ้น โดยรัฐบาลเดินหน้าพัฒนาโครงการต่างๆ อาทิ โครงการพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) และเดินหน้าแก้ปัญหาสินค้าเกษตร เปิดช่องทางเชื่อมโยงกับนานาประเทศ และดึงนักลงทุนต่างชาติมาลงทุนมากขึ้น
“ขอให้ทุกคนใช้โซเชียลมีเดียในทางที่ถูกต้องและเกิดประโยชน์ ทุกคนสามารถหาข้อมูลทุกเรื่องได้จากอินเทอร์เน็ตเพิ่มความรู้ ขณะที่การเรียนการสอนต้องปรับใหม่ โดยในอนาคตจะตั้งกระทรวงการอุดมศึกษาวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งเหตุที่ดำเนินการล่าช้าเพราะติดที่การตั้งชื่อกระทรวง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการใช้งบประมาณในอนาคตว่า หากนักการเมืองหาเสียงและสัญญาว่าจะให้สิ่งใดกับประชาชน ต้องระวังและศึกษาข้อมูลพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ที่จะเป็นตัวกำหนดการใช้งบประมาณให้เกิดความเหมาะสมคุ้มค่าและห้ามใช้เพื่อสร้างความนิยม
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความสำคัญของการมีทหารว่า เมื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน การแก้ไขปัญหาชายแดนใต้หรือภัยพิบัติ ทหารมีส่วนสำคัญที่จะดูแลและดำเนินการด้านต่าง ๆ เพราะหากไม่มีทหารก็ไม่สามารถหาใครมาทำแทนได้ อีกทั้งกองทัพมีสถานที่และยุทโธปกรณ์ที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่.-สำนักข่าวไทย
