กทม.6 ก.ย.- สตม.โชว์จับอาชญากรข้ามชาติหรือคดีฉ้อโกง ปล่อยกู้ และขโมยทรัพย์สินมีค่ามูลค่ารวมกว่าหมื่นล้านมากบดานในไทย
พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(รอง ผบช.สตม.) แถลงจับกุมผู้ต้องหาหนีคดีมาซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทย เป็นคดีสร้างมูลค่าความเสียหายนับหมื่นล้านบาท
คดีแรก นายซาน กวงเพง อายุ 26 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับของประเทศจีน ในข้อหา กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ มูลค่าความเสียหายประมาณ 3,000 ล้านหยวนหรือราว 15,000 ล้านบาท รายนี้ตำรวจ ตม.จับกุมได้ที่ด่านพรมแดนถาวรจุดตรวจสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 1 จังหวัดหนองคาย
พฤติการณ์ผู้ต้องหา จะเปิดบริษัทขายตรงลักษณะแชร์ลูกโซ่ หลอกให้ลงทุนซื้อขายผลิตภัณฑ์เครื่องอุปโภคบริโภค มีผู้หลงเชื่อร่วมลงทุนนับพันคน ส่วนใหญ่อยู่ในมณฑลยูนนานของประเทศจีน แล้วปิดบริษัทและหอบทรัพย์สินหนีไปประเทศต่างๆกว่า 3 ปี ก่อนมาถูกจับที่ประเทศไทย
คดีที่สอง เป็นการจับกุมแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบ โดยบังคับให้ทำสัญญาและใช้กำลังในการทวงหนี้ ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาในแก๊งปล่อยเงินกู้ได้ 2 กลุ่ม มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 2,000 ล้านบาท
คดีสุดท้าย ตำรวจตรวจค้นเข้าเมืองจับกุมนายฮิโรยูกิ โกโต อายุ 40 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ตามหมายจับศาลจังหวัดฟุกุโอกะ ข้อหาโจรกรรมสินค้า พฤติการณ์คือ จะออกตระเวนงัดแงะตามห้องพักในประเทศญี่ปุ่นเพื่อขโมยทรัพย์สินมีค่า โดยเฉพาะสินค้าแบรนด์เนม ก่อเหตุตั้งแต่อายุ 20 ปี ก่อนถูกจับติดคุก พ้นโทษเมื่อในปี 2559 แล้วกลับมาก่อเหตุซ้ำรวมมูลค่า ความเสียหายกว่า 50 ล้านเยน โดยเดินทางเข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง ล่าสุดเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทางช่องทางตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย โดยวันที่เดินทางเข้าประเทศไทย ยังไม่มีการบันทึกเป็นบุคคลเฝ้าดูจากทางการญี่ปุ่น แต่เมื่อครบกำหนดอนุญาตการให้อยู่ในราชอาณาจักร ข้อความบันทึกการเป็นบุคคลเฝ้าดูได้ส่งมาถึงทางการไทยแล้ว เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมในระหว่างที่นายฮิโรยูกิ ไปยื่นขออยู่ต่อที่จังหวัดชลบุรี
พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบบุคคลตามหมายจับ บุคคลเฝ้าดูและบุคคลเฝ้าระวัง ที่จะหลบหนีเข้ามากบดานในประเทศไทย อีกทั้งยังเฝ้าระวังไม่ให้มีการลักลอบนำคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร ผู้ต้องหาบางรายถูกจับขณะจะเดินทางออกนอกประเทศหรือไปทำเรื่องขออยู่ต่อ ซึ่งบางครั้งประเทศต้นทางอาจยังไม่ได้ส่งบันทึกเฝ้าดูหรือหมายจับให้ทางการไทยช่วยติดตามตัวแต่หากมีการส่งข้อมูลมาและพบความเคลื่อนไหวในประเทศไทย สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พร้อมดำเนินการจับกุมทันที.- สำนักข่าวไทย