ทอท.แจงประกวดแบบอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิโปร่งใส

กรุงเทพฯ 28 ส.ค. – ทอท.แจงประกวดแบบอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ถูกต้องตามระเบียบ โปร่งใส และเป็นธรรม


นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ตามที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลการประกวดแบบอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.)  ซึ่งได้ผู้ชนะการประกวดราคา คือ กลุ่มนิติบุคคลร่วมทำงานดีบีเอแอลพี-นิเคนเซกเก-อีเอ็มเอส-เอ็มเอชพีเอ็ม-เอ็มเอสอี-เออาร์เจ (DBALP) เผยแพร่ตามสื่อต่าง ๆ นั้น ทอท.ขอชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ดังนี้ 

1. ทอท.จัดให้มีการประกวดแบบอาคารผู้โดยสาร หลังที่ 2 ทสภ. รวมทั้งสิ้น 2 ครั้ง โดยการยื่นซองประกวดราคา ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2560 ซึ่งการยื่นซองครั้งนั้นแม้จะมีผู้สนใจซื้อซอง 8 ราย แต่ไม่มีผู้สนใจมายื่นซอง ทอท.จึงเปิดประกวดราคาอีกเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2560 โดยใช้ข้อกำหนดและขอบเขตงาน (TOR) เดิมทุกประการ ซึ่งครั้งนี้มีผู้สนใจมาซื้อซอง 9 ราย และเมื่อถึงกำหนดยื่นซองวันที่ 6 พฤศจิกายน 2560 ได้มีผู้ยื่นซองรวมทั้งสิ้น 4 ราย


2.การพิจารณาผลการประกวดราคา ทอท.ได้มีการตั้งคณะกรรมการจัดหาพัสดุ เพื่อพิจารณาคะแนนเทคนิค แต่เนื่องจากเป็นงานประกวดแบบเชิงคุณภาพและต้องการให้เป็นที่ยอมรับ ทอท.จึงเชิญผู้แทนจากสมาคมสถาปนิกสยามเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการฯ ประกอบด้วย กรรมการ 5 คน นอกจากนี้ มีผู้สังเกตการณ์จากสภาสถาปนิก อีก 2 คน 

3.  คณะกรรมการจัดหาพัสดุได้เชิญผู้ยื่นซองทุกรายมานำเสนองานต่อคณะกรรมการฯ ผู้สังเกตการณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ รวมถึงผู้แทนจากข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) เพื่อให้คะแนนด้านเทคนิค 

4.  คณะกรรมการจัดหาพัสดุได้พิจารณาให้ กลุ่มบริษัทร่วมทำงาน S.A. ได้คะแนนเทคนิคสูงสุด และได้คะแนนเกินกว่าร้อยละ 80 ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดที่กำหนดไว้ จึงได้รับพิจารณาเป็นรายแรกในการเปิดซองเสนอราคาตามระเบียบพัสดุของ ทอท.และคณะกรรมการจัดหาพัสดุได้เชิญกลุ่มบริษัทร่วมทำงาน S.A. มาเปิดซองราคา เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2561 เมื่อผู้แทนกลุ่มบริษัทร่วมทำงาน S.A.ได้ตรวจสอบเอกสารซองราคาที่ยื่นไว้ว่ามีสภาพสมบูรณ์ คณะกรรมการฯ จึงเปิดซองเสนอราคา แต่ปรากฏว่าไม่มีเอกสารใบเสนอราคาตามข้อกำหนด และขอบเขตงาน (TOR) ตามที่ ทอท.กำหนดไว้ในข้อ 4 เรื่องการยื่นซองเสนองาน โดยในข้อ 4.2 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า” ผู้เสนองานต้องใช้ต้นฉบับใบเสนอราคาที่ได้รับจาก ทอท. นี้เท่านั้น ใบเสนอราคานอกเหนือจากนี้จะไม่รับพิจารณาโดยเด็ดขาด” 


นอกจากนี้ ตามข้อกำหนดใน TOR ข้อ 13.3 ได้กำหนดว่า “ซองข้อเสนอด้านราคาประกอบด้วยอย่างน้อยที่สุดรายการต่าง ๆ และจำนวนเงินค่าจ้างแบบเหมารวม (Lump Sum) เป็นเงินสกุลบาท โดยในข้อ 13.3.1 ระบุว่า “ผู้เสนอราคาต้องใช้ต้นฉบับการเสนอราคา ที่ได้รับจาก ทอท เท่านั้น ใบเสนอราคานอกเหนือจากนี้จะไม่รับพิจารณาโดยเด็ดขาด” ซึ่งกลุ่มบริษัทร่วมทำงาน S.A. ก็ได้ยอมรับว่าไม่มีเอกสารดังกล่าวจริง คณะกรรมการจัดหาพัสดุจึงไม่สามารถใช้ดุลยพินิจเป็นอื่นได้ โดยต้องดำเนินตามระเบียบพัสดุของ ทอท. และ ข้อกำหนดและขอบเขตงาน (TOR) ในการให้ผู้ได้คะแนนเทคนิคในลำดับที่ 2 ซึ่งคะแนนเกินกว่าร้อยละ 80 ได้แก่ กลุ่ม DBALP เข้าเปิดซองราคาเป็นลำดับถัดไป และ 5.คณะกรรมการฯ ได้เปิดซองราคาของกลุ่ม DBALP พบว่าเอกสารมีความถูกต้อง จึงได้เจรจาต่อรองราคากับกลุ่ม DBALP และอนุมัติให้เป็นผู้ชนะการประกวดแบบในครั้งนี้

นายนิตินัย ชี้แจงเพิ่มเติมว่า สำหรับประเด็นที่กลุ่มบริษัทร่วมทำงาน S.A. อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการประกวดราคาครั้งนี้ เนื่องจากไม่ได้รับเอกสาร “ต้นฉบับใบเสนอราคาที่ได้รับจาก ทอท.” ในชุดเอกสารสำหรับการเสนองานจาก ทอท. นั้น ทอท.ขอชี้แจงว่าต้นฉบับใบเสนอราคาถือเป็นเอกสารที่สำคัญในการยื่นข้อเสนอด้านราคา เจ้าหน้าที่พัสดุของ ทอท.จะจัดเตรียมโดยประทับหมายเลขเรียงลำดับพร้อมลงลายมือชื่อกำกับแล้ว จึงบรรจุในซองเอกสารที่จะจำหน่ายให้ผู้ที่สนใจจะซื้อเอกสาร และขณะที่จำหน่ายเจ้าหน้าที่พัสดุ ทอท.จะชี้แจงให้ผู้ซื้อเอกสารทราบว่ามีเอกสารรายการใดบ้าง ซึ่งตลอดระยะเวลาการขายแบบ การชี้สถานที่ตอบข้อซักถามจนยื่นแบบประกวด ไม่มีผู้ซื้อซองรายใดทักท้วงหรือ ร้องค้านว่าไม่ได้เอกสารหรือไม่สามารถที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขการประมูลได้ และกลุ่มบริษัทร่วมทำงาน S.A. เองมีผู้มาซื้อซองถึง 2 ราย คือ บริษัท Span และบริษัท ไซน์-เทค เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด  ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร จึงเป็นไปได้ยากที่กลุ่มบริษัทร่วมทำงาน S.A. จะไม่ได้รับต้นฉบับใบเสนอราคาจาก ทอท. นอกจากนี้ ตามเงื่อนไขและข้อตกลงข้อ 4.5 ที่กำหนดว่า “ก่อนยื่นซองประกวดแบบ ผู้เสนองานจะต้องตรวจดูร่างสัญญา รายละเอียดต่าง ๆ ให้ถี่ถ้วน และเข้าใจในเอกสารประกวดแบบทั้งหมดเสียก่อนที่จะตกลงยื่นซองประกวดแบบตามเงื่อนไขในเอกสารประกวดแบบ” ดังนั้น จึงเป็นความรับผิดชอบของกลุ่มบริษัทร่วมทำงาน S.A. ที่จะต้องตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของเอกสารก่อนที่จะยื่นซองเสนอราคา

สำหรับเหตุผลที่ต้องใช้ต้นฉบับใบเสนอราคาที่ ทอท.กำหนดในการยื่นซองเสนอราคา ไม่สามารถใช้ใบเสนอราคานอกเหนือจากนี้ได้นั้น เนื่องจากเอกสารดังกล่าวนอกจากผู้ยื่นซองต้องใส่ข้อเสนอด้านราคาซึ่งระบุเป็นตัวเลขและตัวอักษรแล้ว ยังมีเงื่อนไขที่เป็นสาระสำคัญอื่น ๆ ระบุไว้  ได้แก่ ระยะเวลายืนราคา คำรับรองว่าจะเริ่มทำงานตามสัญญาทันทีที่ได้รับแจ้งจาก ทอท. และจะส่งมอบงานตามเอกสารประกวดแบบภายในระยะเวลาที่กำหนด คำรับรองว่าจะเข้าทำสัญญากับ ทอท.ตามแบบและมอบหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาให้แก่ ทอท.ตามที่กำหนด ดังนั้น ถ้าผู้เสนอราคางานรายใดมิได้เสนอราคาโดยใช้ต้นฉบับใบเสนอราคาที่ได้รับจาก ทอท. ย่อมถือว่าปฏิบัติผิดเงื่อนไขการเสนอราคาในสาระสำคัญ จึงเป็นเหตุให้ ทอท. ไม่อาจรับซองเสนอราคาของกลุ่มบริษัทร่วมทำงาน S.A. ไว้พิจารณาได้ ถึงแม้จะมีคะแนนเทคนิคสูงสุดก็ตาม

นายนิตินัย กล่าวว่า ทอท.ขอยืนยันว่าการเปิดซองประกวดราคางานออกแบบอาคารผู้โดยสาร หลังที่ 2 ของ ทสภ.ครั้งนี้ คณะกรรมการจัดหาพัสดุได้มีการดำเนินงานโดยยึดถือตามหลักธรรมาภิบาลของ ทอท. โดยทุกกระบวนการการจัดหาพัสดุมีความโปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามระเบียบการจัดหาพัสดุของ ทอท. อย่างเคร่งครัด โดยทุกขั้นตอนการเปิดซองมีสักขีพยาน เอกสารและได้มีการบันทึกวีดีโอไว้โดยตลอดทุกขั้นตอน ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ผู้ชนะการประกวดราคาได้เข้าทำสัญญาออกแบบกับ ทอท. แล้ว จะสามารถปรับปรุงแบบ แก้ไขข้อด้อยต่าง ๆ นำเสนอต่อคณะกรรมการตรวจการจ้างต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]