จำคุก18 ปี16 เดือน”ป๋าติ๊ก-ป๋ากบ”ค้ากามเด็กวิคตอเรียซีเครท

กรุงเทพฯ 27 ส.ค.- ศาลพิพากษา จำคุก “ป๋าติ๊ก-ป๋ากบ” ผู้จัดการอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท 2 สำนวน 18 ปี 16 เดือน ค้าประเวณีเด็กสาว ต่างด้าวอายุไม่เกิน 15 และไม่เกิน 18 ปี ยกฟ้องค้ามนุษย์อัยการเล็งอุทธรณ์ต่อ 


ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาคดีค้ามนุษย์อาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท ซึ่งเป็นเด็กหญิงต่างด้าวชาวเมียนมาร์ อายุไม่เกิน 15 ปี และเด็กสาวอายุกว่า 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปี ที่อัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง รวม 2สำนวน โดยเบิกตัวจำเลยทั้งหมดมาศาล 

โดยสำนวนแรกเป็นคดีที่อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเฉลียว จันทร์พิมพ์ / นายบุญทรัพย์ อมรรัตนาศิริ หรือป๋ากบ / นายศรัทธาธรรม แจ้งฉาย หรือป๋าติ๊ก / นางสาวศศิธร วิระเทพสุภรณ์ / ห้างหุ้นส่วนจำกัด อมรินทร์ ออเซน / และนายเดชา สิงห์สาครเดชา หรือหนู จำเลยที่ 1 ถึง 6 เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันค้ามนุษย์จากการบังคับใช้แรงงาน / ร่วมกันเป็นธุระจัดหาเพื่อให้ค้าประเวณีฯ / ร่วมกันเป็นผู้ดูแลกิจการฯ / ร่วมกันเพื่อสนองความใคร่เพื่อการอนาจาร / รู้ว่าเป็นต่างด้าวให้ที่พักอาศัย / ตั้งสถานบริการโดยไม่ทำประวัติพนักงานฯ / จ้างลูกจ้างอายุต่ำกว่า 18 ปี   


โดยศาลยกฟ้องนายบุญเฉลียว หรือเอส จันทร์พิมพ์ จำเลยที่ 1  (ซึ่งถูกคุมขังในเรือนจำระหว่างพิจารณาคดี) ซึ่งเป็นเพียงผู้ขี่วินรถจักรยานยนต์รับส่งผู้เสียหายระหว่างแมนชั่นที่พักกับที่ทำงานสถานอาบอบนวดโดยไม่ทราบว่าผู้เสียหายนั้นมีอายุเท่าใด และจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเป็นธุระจัดหาค้าประเวณี

ส่วน นายบุญทรัพย์ อมรรัตนาศิริ หรือป๋ากบ อายุ 55 ปี จำเลยที่ 2 ,  นายศรัทธาธรรม แจ้งฉาย หรือป๋าติ๊ก ในฐานะผู้มีอำนาจบริษัท เดวิส ซิลเวอร์สตาร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดการสถานบริการ จำเลยที่ 3 นั้นให้จำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน ฐานร่วมเป็นเจ้าของหรือควบคุมค้าประเวณีเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 , พ.ร.บ.ค้าประเวณี พ.ศ.2539 (ทั้งสองถูกคุมขังในเรือนจำระหว่างพิจารณาคดี) 

สำหรับ น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ จำเลยที่ 4  ในฐานะผู้มีอำนาจเป็นหุ้นส่วนจำกัด ในห้างหุ้นส่วนจำกัด อมรินทร์ ออนเซน ที่ขอใบอนุญาตดำเนินกิจการนั้น ก็มีความผิดด้วย แต่ให้ลงโทษสถานเบาเนื่องจากเป็นการกระทำโดยส่วนตัวไม่ใช่โดยห้างหุ้นส่วน ให้จำคุก 8 เดือน (จำเลยถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกลางระหว่างพิจารณาคดี)  และให้ยกฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัด อมรินทร์ ออนเซน จำเลยที่ 5 และให้จำคุก 6 ปี นายเดชา หรือสิงห์สาครเดชา จำเลยที่ 6 (จำเลยได้ประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี) ตามปนะมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 , พ.ร.บ.ค้าประเวณี พ.ศ.2539 , พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามกานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรข้ามชาติ พ.ศ.2556 โดยจำเลยเป็นผู้ขับรถกระบะพาเด็กสาวผู้เสียหายที่ถูกส่งตัวจาก กทม.ไป อ.สะเดา จ.สงขลา ไปค้าประเวณียังประเทศมาเลเซีย


ทั้งนี้ศาลให้ยกฟ้องข้อหาค้ามนุษย์ เพราะพยานหลักฐานโจทก์ยังไม่พอฟังให้ลงโทษ

ส่วนสำนวนที่ 2 พนักงานอัยการฝ่ายคดีค้ามนุษย์ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายศรัทธาธรรม แจ้งฉาย หรือป๋าติ๊ก ผู้จัดการสถานอาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท / นายบุญทรัพย์ อมรรัตนาศิริ หรือป๋ากบ หัวหน้าพนักงานเชียร์แขก / นายชัยณรงค์ อันสุข หรือป๋าสง่า / นายเอกณพัชร์ จารุวัฒน์ปฐมกุล หรือป๊อป กลุ่มพนักงานเชียร์แขก / ห้างหุ้นส่วนจำกัด อมรินทร์ ออเซน / นางสาวศศิธร วิระเทพสุภรณ์ ในฐานะผู้มีอำนาจและกรรมการผู้ขอใบอนุญาตเปิดสถานอาบอบนวด / และบริษัท เดวิส ซิลเวอร์สตาร์ จำกัด เป็นจำเลยที่ 1 ถึง 7 ซึ่งเป็นการฟ้องว่าได้ร่วมกระทำผิดต่อเด็กสาวอายุกว่า 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปีนั้น 

ศาลมีคำพิพากษาว่า นายศรัทธาธรรม หรือป๋าติ๊ก ผู้จัดการสถานบริการ จำเลยที่ 1 , นายบุญทรัพย์ หรือป๋ากบ จำเลยที่ 2 , นายชัยณรงค์ หรือป๋าสง่า จำเลยที่ 3 , นายเอกณพัชร์ จารุวัฒน์ปฐมกุล หรือพี่ป๊อป  จำเลยที่ 4 มีความผิดเป็นธุระจัดหาฯ จำคุกคนละ 15 ปี 12 เดือน

อย่างไรก็ดีรวมจำคุก นายศรัทธาธรรม หรือป๋าติ๊ก ผู้จัดการสถานบริการ กับนายบุญทรัพย์ หรือป๋ากบ ทั้ง 2 สำนวนแล้ว จำคุกทั้งสิ้น 18 ปี 16 เดือน

ส่วน น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ จำเลยที่ 6  ในฐานะผู้มีอำนาจเป็นหุ้นส่วนจำกัด ในห้างหุ้นส่วนจำกัด อมรินทร์ ออนเซน ที่ขอใบอนุญาตดำเนินกิจการ ให้จำคุก 7 ปี 6 เดือน ทั้งนี้รวมจำคุกทั้ง 2 สำนวนแล้ว รวมจำคุก 7 ปี 14 เดือน

โดยให้ยกฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัด อมรินทร์ ออนเซน จำเลยที่ 5 กับบริษัท เดวิส ซิลเวอร์สตาร์ จำกัด จำเลยที่ 7 ที่เป็นเพียงนิติบุคคลเรื่องการเช่าสถานที่ และให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมดในข้อหาค้ามนุษย์ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว อัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ ได้เปิดเผยว่า จะทำความเห็นเสนอให้อุทธรณ์คดีทั้ง 2 สำนวนนี้ต่อไปในส่วนที่มีการยกฟ้องข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ด้วย 

ขณะที่ในส่วนของนายมนัสหรือป๋านัส อ่วมทับ อายุ 48 ปี และนายสมชายหรือป๋าต้น แสงอุดม อายุ 52 ปี จำเลยร่วม ซึ่งเป็นกลุ่มพนักงานเชียร์แขก ที่แยกฟ้องอีกสำนวนในคดีหมายเลขดำ คม.24/2561 เพราะจำเลยให้การรับสารภาพนั้น ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 19 ก.ย. นี้ เวลา 09.00 น.

ทั้งนี้ คดีดังกล่าว เกิดขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และฝ่ายปกครอง สนธิกำลังเข้าจับกุมผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับสถานอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท เมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา โดยพบหญิงสาวชาวเมียนมา 113 คน ให้บริการค้าประเวณีอยู่ภายในอาบอบนวด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]