เชียงใหม่ 25 ส.ค.-ล่าสุด ศักดิ์ชัย หนุ่มชาวอุดรธานี วัย 39 ปีคนนี้ พร้อมสุนัข 2 ตัว เดินเท้าถึงเชิงดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง ที่เชียงใหม่ ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้แล้ว
โดยฝากล้อเข็นรวมทั้งเจ้านะโมและเจ้ากระเช้า สุนัขคู่ใจทั้ง 2 ตัว ไว้ที่ด่านอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ให้เจ้าหน้าที่ช่วยดูแลชั่วคราว ก่อนที่จะเดินเท้าสะพายเป้ใส่โกศเถ้ากระดูกของภรรยาเดินขึ้นสู่ดอยอินทนนท์ โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ จัดกำลังช่วยอำนวยความสะดวกไปตามเส้นทาง โดย ศักดิ์ มีสีหน้าสดใสขึ้น ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่มีผู้บริจาคให้ และยังได้รับกำลังใจจากผู้ที่ทราบข่าวและเรื่องราวของเขา รวมทั้งเงินที่มีผู้มอบให้ตามรายทางรวม 70,000 กว่าบาท ซึ่งเขาตั้งใจจะแบ่งไปทำบุญให้ภรรยา
โดยทีมข่าวสำนักข่าวไทย ได้นำข้อความจากผู้คนจำนวนมากที่แสดงความเห็นผ่านรายงานพิเศษที่นำเสนอไปเมื่อวานนี้ให้ศักดิ์ดู เขาถึงกับน้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้ม ที่มีคนให้กำลังใจเขามากขนาดนี้
ศักดิ์ตั้งใจที่จะเดินพาเถ้ากระดูกของภรรยาไปถึงยอดดอยอินทนนท์ ใน 2-3 วันนี้ เพื่อทำบุญตามที่เคยสัญญากันไว้ว่าจะพามาเที่ยวอินทนนท์ ในช่วงที่มีชีวิตอยู่ด้วยกัน หลังจากที่ภรรยาซึ่งอยู่ด้วยกันมา 12 ปี ถูกสุนัขกัดจนติดเชื้อเสียชีวิตไป ขณะไปรับจ้างทำงานก่อสร้างด้วยกันเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ศักด์จึงตัดสินใจเดินทางจากอำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ไปตามจังหวัดต่างๆ เพื่อให้คลายความคิดถึงและอยากพาภรรยาไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ที่ไม่มีโอกาสพาไปในช่วงที่มีชีวิตอยู่ รวมทั้งดอยอินทนนท์ที่เขาใฝ่ฝันจะพาภรรยามาเที่ยวสักครั้งในชีวิต
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของ ศักดิ์ชัย ในอำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี พบกับพี่สาว คือ นางอรไพ สุพันธมาตย์ เล่าว่า ศักดิ์ชัย มีพี่น้อง 8 คน ครอบครัวมีอาชีพทำนา แม่เสียชีวิตแล้ว ส่วนพ่ออายุ 87 ปี ยังมีชีวิตอยู่ หลังศักดิ์ชัย เรียนจบ ม.3 ได้ไปทำงานก่อสร้างที่จังหวัดตรัง และได้พบรักกับภรรยาชาวจังหวัดขอนแก่น ไม่มีบุตรด้วยกัน โดย ศักดิ์ชัย รักภรรยาคนนี้มาก แต่เนื่องจากทั้งสองคนทำงานอยู่ไกล จึงไม่ค่อยได้กลับมาบ้านที่อุดรธานี
กระทั่งปี 59 ทราบว่าภรรยาของเขาป่วยเสียชีวิต ทำให้เขาเสียใจมาก แทบจะเสียสติ ญาติต้องเดินทางไปรับกลับมาหางานให้ทำที่กรุงเทพฯ แต่อยู่ได้ไม่นาน เขาก็เก็บข้าวของใส่รถเข็นขอไปอยู่ที่อื่น โดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง ไปเรื่อย ๆ ค่ำไหนนอนนั่น ครอบครัวเป็นห่วงพยายามชวนกลับบ้าน แต่ก็ไม่ยอมกลับ จึงต้องปล่อยให้ไป ยังดีที่เขายังโทรศัพท์กลับมาหาน้องชายอยู่บ้าง
ทั้งนี้ยืนยัน น้องชายไม่ได้เสียสติ หรือ เป็นคนบ้า เพียงแต่อาจยังทำใจยังไม่ได้ที่ภรรยาจากไป จึงอยากอยู่คนเดียว และเดินทางไปเรื่อยๆ ซึ่งญาติพี่น้องที่อุดรธานีทุกคนต่างรู้สึกเป็นห่วง และฝากบอก หลังทำในสิ่งที่ตั้งใจเรียบร้อยแล้ว ขอให้เขากลับมาอยู่บ้านด้วยกัน.-สำนักข่าวไทย