สุโขทัย 23 ส.ค. – รองนายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงสถานการณ์น้ำปลายฤดูฝน ซึ่งมีทั้งเฝ้าระวังน้ำท่วมและประสบภัยแล้ง เนื่องจากฝนทิ้งช่วง กำชับหน่วยงานด้านน้ำทุกหน่วยบูรณาการแก้ไขปัญหา
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำภาคเหนือตอนล่างจังหวัดสุโขทัยและพิษณุโลก และได้ให้นโยบายหน่วยงานต่าง ๆ เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ โดยมีสำนักงาน ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) วางแผนภาพรวมทั้งประเทศ ซึ่งสภาพอากาศตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงกันยายนจะมีฝนตกชุกบริเวณขอบประเทศทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางฝั่งตะวันตกจนหลายพื้นที่น้ำท่วมและบางพื้นที่ยังต้องเฝ้าระวัง หากมีฝนตกหนักจากพายุหรือร่องมรสุมพาดผ่าน ขณะเดียวกันกรมฝนหลวงและการบินเกษตรรายงานว่ามีพื้นที่เกษตรจังหวัดภาคกลางและตอนกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ฝนทิ้งช่วง ซึ่งเร่งช่วยเหลือโดยการทำฝนหลวง เช่น บริวเณทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งข้าวกำลังออกรวงต้องการน้ำมาก รวมทั้งจังหวัดตาก กำแพงเพชร อุทัยธานี สระแก้ว เป็นต้น
พลเอกฉัตรชัย ได้มอบนโยบายให้กรมฝนหลวงฯ ทำฝนเติมน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ซึ่งยังมีอีกมากที่น้ำไม่ถึงร้อยละ 30 ใช้เวลาช่วงปลายฤดูฝนเติมน้ำให้เพียงพอ เพื่อที่จะได้มีน้ำใช้ในหน้าแล้ง นอกจากนี้ ยังสั่งกรมชลประทานจัดหาเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ และรถบรรทุกน้ำสำหรับส่งน้ำไปช่วยเหลือทั้งการอุปโภคบริโภคและการทำเกษตรกรรม โดยวันพรุ่งนี้ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำทั่วประเทศและย้ำว่าการวางแผนบริหารจัดการน้ำต้องวางล่วงหน้า 2 ปีเพื่อบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้ง
สำหรับสถานการณ์น้ำในลำน้ำที่มีน้ำป่าไหลบ่าอย่างรวดเร็วเกิน เช่น วังตะไคร้ เขาใหญ่ เขื่อนแก่งกระจานนั้น แม้กรมชลประทานจะพร่องน้ำล่วงหน้า แต่เมื่อมีฝนตกในพื้นที่ป่าและพื้นที่อุทยาน ซึ่งไม่มีเครื่องมือตรวจวัดปริมาณน้ำฝน ทำให้คาดการณ์ปริมาณน้ำที่จะไหลเข้าเขื่อนไม่แม่นยำ ดังที่ได้เกิดขึ้นแล้วในวันที่ 20 สิงหาคมมีน้ำไหลเข้าเขื่อนแก่งกระจานวันเดียวถึง 160 ล้านลูกบาศก์เมตร จากฝนที่ตกหนักใน 3 วันก่อนหน้า จึงได้ประสานกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขอนำเครื่องมือวัดปริมาณน้ำฝนไปติดตั้งในเขตป่าสงวนและอุทยานแห่งชาติ ทำให้คาดการณ์ปริมาณน้ำไหลหลากได้แม่นยำขึ้น อีกทั้งจะช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมรับสถานการณ์ได้ทันท่วงที.-สำนักข่าวไทย