สธ.21 ส.ค. – จิตแพทย์ ชี้ ไบโพล่าร์รักษาได้ ญาติต้องทำความเข้าใจและนำตัวรักษาทันทีที่มีอาการ ส่วนอ้างป่วยเลี่ยงความรับผิดหรือรับชอบทางกฎหมายทำไม่ได้ และเป็นดุลยพินิจของศาล
นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวถึงสถานการณ์โรคไบโพล่าร์ว่า โรคไบโพล่าร์ เกิดจากยีน หรือพันธุกรรมที่ผิดปกติ ทำให้การควบคุมอารมณ์ผิดปกติ โดยจะมีอาการฟุ้ง หรือซึมเศร้า สลับกันในเวลาโรคกำเริบ อาการเป็นสักระยะหนึ่งประมาณ 1-2 สัปดาห์ โดยอาการซึมเศร้ารุนแรงอาจถึงขั้นฆ่าตัวตาย แต่มีเปอร์เซ็นต์น้อยมาก ส่วนภาวะฟุ้งรุนแรงก็อาจทำให้รุนแรงถึงขั้นหัวใจวาย ซึ่งก็มีเปอร์เซนต์น้อยมากเช่นกัน ความผิดปกติจากภาวะไบโพล่าร์จะสังเกตได้จากมีพฤติกรรมในชีวิตจำวันผิดไปจากเดิม เช่นพูดมากผิดปกติจากเป็นคนพูดน้อย ว้าวุ่นคิดไม่ตกควบคุมอารมณ์ไม่ได้
นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า อัตราการป่วยไบโพล่าร์พบได้ร้อยละ 1 ของประชากรวัยทำงาน การรักษาโรคต้องอาศัยการทำความเข้าใจระหว่างญาติและผู้ป่วยต้องเข้าใจว่าขณะที่เกิดอาการโรคกำเริบญาติจะต้องเร่งพาเข้ารับการรักษาทันที เพราะไม่เช่นนั้นอาการอาจรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยอาการจะแสดงปรากฏชัดหลังผ่านไปประมาณ 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้การรักษาจะต้องให้ยาร่วมกับการปรับพฤติกรรม เพื่อควบคุมอาการ
ส่วนกรณีการทำร้ายร่างกายพนักงานขายโทรศัพท์มือถือและอ้างป่วยไบโพล่าร์นั้น นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของความเจ็บป่วยซึ่งความเจ็บป่วยไม่เลือกอาชีพหรือบุคคล เพราะการป่วยไม่ได้ตั้งใจที่จะป่วยไม่ควรนำมาพาดพิงหรือตั้งข้อรังเกียจหากมีการระบุรายละเอียด หรือแสดงข้อเท็จจริงสังคมก็ควรให้อภัยส่วนกรณีการอ้างเจ็บป่วยเลี่ยงความรับผิด หรือความรับชอบทางกฎหมายนั้นไม่สามารถทำได้และเป็นดุลยพินิจของศาลในการดำเนินคดี
ส่วนกรณีการมีเพศสัมพันธ์หรือมีเซ็กส์กับสัตว์ นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า เรื่องนี้ควรให้เป็นเรื่องลับและเป็นเรื่องที่ไม่หยิบยกเอามาเปิดเผยในที่สาธารณะซึ่งทำให้เกิดความเชื่อและความเข้าใจทางเพศกันแบบผิดๆ เพราะเด็กส่วนใหญ่เรียนรู้และศึกษาเรื่องเพศด้วยตนเอง กรณีข่าวมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์เป็นการแสดงออกถึงพฤติกรรมทางเพศที่มีความเห็นผิดไปจากปกติจากการมีสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงกลายเป็นสัตว์แทนซึ่งส่วนใหญ่เรื่องเหล่านี้กฎหมายไม่คุ้มครองและกำหนดให้ผู้ที่มีพฤติกรรมเหล่านี้ต้องรับการบำบัดรักษาจึงไม่อยากให้เป็นเรื่องดราม่าสังคม.-สำนักข่าวไทย