สำนักข่าวไทย 18 ส.ค.-ผู้เชี่ยวชาญแหล่งน้ำทีมกรุ๊ป วิเคราะห์สถานการณ์น้ำท่วม จ.น่าน จะคลี่คลายใน 1-2 วันนี้ ขณะที่พายุ ‘เบบินคา’ จะหลุดไปสลายตัวที่ฝั่งเมียนมา
นายอวิรุทธ์ สุขสมอรรถ ผู้เชี่ยวชาญด้านแหล่งน้ำ ทีมกรุ๊ป วิเคราะห์อิทธิพลพายุเบบินคา ที่ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมที่ จ.น่าน ช่วงนี้ว่า แนวอิทธิพลของพายุเบบินคา อยู่ที่ จ.น่าน ทำให้ปริมาณน้ำฝน เกิน 300 มิลลิเมตร จึงทำให้ 1-2 วันนี้ เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมชุมชนและบ้านเรือนริมแม่น้ำ ประมาณ30-40 เซนติเมตร ใน อ.เมือง แต่จะค่อยๆคลี่คลายภายในต้นสัปดาห์หน้า เนื่องจากเป็นลักษณะของน้ำป่าไหลหลาก มาเร็ว และไหลลงได้รวดเร็ว ระดับน้ำท่วมขังจะเกิดในระยะสั้นๆช่วง2-3 วัน ประมาณ 30-40 เซนติเมตร โดยปริมาณน้ำทั้งหมดที่ท่วม อ.เมืองน่านขณะนี้จะไหลลงสู่เขื่อนสิริกิติ์ซึ่งยังสามารถรองรับน้ำได้อีก3,000 ลูกบาศก์เมตรหรือร้อยละ60 ของความจุเขื่อน ถือว่าสามารถรับมือได้และระดับความรุนแรงเทียบเท่า ปี 2549 แต่ปี 2561 สามารถรับมือและแจ้งเตือนประชาชนได้ดี สามารถขนของขึ้นที่สูงได้ทัน ความเสียหายอาจไม่มากนัก และน้อยกว่าปี2549 นอกจากนี้พื้นที่เชิงเขา ยังต้องเฝ้าระวังดินถล่ม หรือแลนด์สไลด์ ด้วย
อย่างไรก็ตามคืนนี้มีแนวโน้มว่าแนวอิทธิพลของพายุเบบินคาจะเคลื่อนผ่าน จ.เชียงราย และไปสลายตัวที่ฝั่งประเทศเมียนมาร์ แต่อิทธิพลของพายุยังส่ง ผลให้เกิดฝนตกใน จ.เชียงใหม่ ช่วง อ.ฝาง จ.เชียงราย จ.พะเยา จ.แพร่ ช่วง อ.วังชิ้น ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง มีโอกาสเกิดน้ำป่าไหลหลากได้เช่นกัน
นอกจากนี้จากอิทธิพลของพายุเบบินคา ยังส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก ช่วง จ.กาญจนบุรี,จ.สุพรรณบุรี ถือเป็นพื้นที่เฝ้าระวังเช่นกัน เนื่องจากเขื่อนวชิราลงกรณและเขื่อนศรีนครินทร์ ปริมาณความจุอยู่ที่ร้อยละ80 แล้ว อาจต้องเฝ้าระวังด้านการบริหารจัดการน้ำ แต่สำหรับพื้นที่เขื่อนแก่งกระจานปริมาณความจุเกินร้อยเปอร์เซนต์แล้ว ยิ่งอิทธิพลของพายุเบบินคามาเติม อาจส่งผลให้ปริมาณน้ำท่วมขังในพื้นที่ตัว จ.เพชรบุรี ยังต้องเฝ้าระวังอีก 1 สัปดาห์ กว่าจะคลี่คลายหรือเบาบางลง แต่ต้องไม่มีพายุลูกใหม่หรือฝนมาเติมอีก ซึ่งในช่วง 2-3 เดือนยังมีพายุจรอีก1-2 ลูกที่มีแนวโน้มผ่านประเทศไทย ถึงจะคลายกังวลได้ ซึ่งต้องติดตามเป็นระยะๆ
ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงต้องเฝ้าระวังเช่นกัน เนื่องจากผลจากอิทธิพลพายุเบบินคา ช่วงเย็นวันอาทิตย์นี้จะส่งผลให้ฝนตกหนักทางภาคตะวันอออกเฉียงเหนือ ทางจ.หนองคาย จ.บึงกาฬ จ.นครพนม จ.สกลนคร เขื่อนสำคัญอย่าง เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร ขณะนี้ระดับน้ำในเขื่อนค่อนข้างเกินร้อยละ80 รวมถึงระดับน้ำโขงเพิ่มสูงขึ้น อาจส่งผลต่อการระบายน้ำ พื้นที่ที่เคยเกิดน้ำท่วม อย่าง จ.สกลนคร จึงต้องเฝ้าระวัง
อย่างไรก็ตามปริมาณฝนหรือปริมาณน้ำในช่วงฤดูฝนนี้ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่น่ากังวล และเชื่อว่าปีนี้จะไม่มีน้ำท่วมขนาดปี 2554 ที่ไหลเข้าท่วมพื้นที่ภาคกลางและกรุงเทพมหานคร แต่สิ่งที่น่าห่วงมีเพียงพายุจรที่จะเกิดน้ำหลากได้ ซึ่งพายุจรเอาแน่เอานอนไม่ได้ ต้องติดตามเป็นรายสัปดาห์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีแนวโน้มจะเข้าไทยอีก1-2ลูก .-สำนักข่าวไทย
