อิทธิพลพายุเบบินคาถล่ม น้ำป่าเข้าท่วมหลายจังหวัด

ภูมิภาค 18 ส.ค.- อิทธิพลจากพายุไต้ฝุ่นเบบินคา พัดผ่านเข้าสู่ภาคเหนือของไทย ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ทะลักเข้าท่วมในหลายจังหวัด ประชาชนได้รับความเดือดร้อนหลายร้อยหลังคาเรือน


หลังตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนัก ในพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ มีปริมาณน้ำฝนมากถึง 100 มิลลิเมตร ทำให้ลำน้ำหลายแห่งในพื้นที่เอ่อล้น และท่วมเส้นทาง สายเชียงใหม่-เชียงราย ถึง 5 จุด บริเวณบ้านปางแฟน ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณกิโลเมตรที่ 43 เลยวัดพระบาทปางแฟน ไปประมาณ 1 กิโลเมตร และบริเวณกิโลเมตรที่ 45 – 47 เป็นช่วงๆ ไปจนถึงเขตติดต่อกับจังหวัดเชียงราย ซึ่งกำลังมีการก่อสร้างเส้นทาง ทำให้รถทุกชนิด ไม่สามารถผ่านได้ ขณะนี้ระดับน้ำยังทรงตัว ทางเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวง กำลังนำเครื่องจักรกล เข้าไปเปิดทางน้ำ เพื่อระบายน้ำอย่างเร่งด่วน ซึ่งในพื้นที่ยังคงมีฝนตก ลงมาอย่างโปรยปรายเป็นระยะ 


นายธีระพงษ์ ขจรเดชากุล รองผู้อำนวยการแขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 2 เผยว่าขณะนี้กำลังเร่งนำเครื่องจักรมาปรับพื้นที่ทางไหลของน้ำเพื่อให้น้ำลดลงเร็วขึ้น และประสานศูนย์สะพานจังหวัดพิจิตร เพื่อนำสะพานเบลีย์ชั่วคราว ตามจุดที่ถนนขาด คาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อยที่สุดไม่เกิน 3 วัน ที่จะสามารถใช้เส้นทางได้ เนื่องจากถนนขาดหลายจุด พร้อมทั้งให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นชั่วคราว ถ้าหากมาจากเชียงราย ให้ใช้เส้นทางสาย 118 มาถึงอำเภอเวียงป่าเป้า ไปแยกเข้าสาย 1150 จะไปทะลุอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ และเข้าพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เส้นทาง 1101 แทนส่วนความเสียหาย ยังอยู่ระหว่างการสำรวจ

สถานการณ์น้ำท่วมที่ จังหวัดพะเยา ได้รับผลกระทบทุกอำเภอ รวม 9 อำเภอ หนักสุดที่ อำเภอปง และอำเภอเชียงคำ   อย่างที่ อำเภอเชียงคำ แม่น้ำสายหลักเริ่มทะลักเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร ตำบลฝายกวาง ตำบลร่มเย็น ตำบลเจดีย์คำ  ตำบลหย่วน  ส่วนที่อำเภอปง ได้ไหลเข้าท่วมในพื้นที่ ตำบลงิม ตำบลขุนควร และตำบลปง โดยน้ำที่ไหลจากลำน้ำงิม, น้ำลู, น้ำปุก, น้ำคาง, น้ำควร, มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร และท่วมถนนสายหลักระหว่างตำบล,หมู่บ้านทางหลวง กม.ที่ 1188 12+825-12+ 900 และกิโลเมตรที่ 13+340 – 13+400 


นายสิทธิ์ วงศ์ม่าน นายอำเภอปง จังหวัดพะเยา กล่าวว่า อิทธิพลจากพายุเบบินคาทำให้น้ำเพิ่มสูงขึ้นเกือบทุกหมู่บ้านในพื้นที่ปง 7 ตำบล กว่า 80 หมู่บ้าน โดยเฉพาะชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำยม ที่เป็นแม่น้ำสายหลักของอำเภอเมือง และ อำเภอปง เป็นพื้นที่ต้นกำเนิดของแม่น้ำยม ที่ไหลผ่านภาคเหนือตอนบน 17 จังหวัด โดยที่ อำเภอปง จังหวัดพะเยา ความเสียหายส่วนมากจะเป็นพื้นที่การเกษตร ล่าสุด มีการประกาศเตือนให้อพยพชาวบ้านไปอยู่ในพื้นที่สูง เช่นโรงเรียน, วัด และเลี่ยงพื้นที่น้ำป่าไหลหลากไปใช้เส้นทางอื่นที่ปลอดภัยแทน 

เกษตรกรในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของลุ่มแม่น้ำน่าน ในอำเภอวังทรายพูนและพื้นที่ตำบลสายคำโห้ ตำบลบ้านบุ่ง อำเภอเมืองพิจิตร  ต้องนำรถไถนาขนาดใหญ่มาชักลากท่อนไม้ ซึ่งถูกกระแสน้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ พัดพาลงมาในลำคลองสาขาที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำน่าน หลังจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักจากอิทธิพลของพายุ “เบบินคา”  โดยกิ่งไม้ขนาดใหญ่และวัชพืชดังกล่าวไหลมาอุดตันบริเวณท่อระบายน้ำ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการไหลระบายของมวลน้ำป่าก้อนใหญ่ ไม่สามารถระบายออกลงสู่แม่น้ำน่านได้   ส่งผลกระทบต่อพื้นที่การทำนาปลูกข้าวหอมมะลิ พืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้หลักให้กับกลุ่มเกษตรกรชาวนาในพื้นที่  จำนวนกว่า 3,000 ไร่ เริ่มได้รับผลกระทบมีน้ำท่วมขัง ทำให้ชาวนาในพื้นที่ทั้ง 2 อำเภอต้องเร่งช่วยกันเปิดทางระบายมวลน้ำป่าดังกล่าว ให้สามารถไหลระบายออกลงสู่แม่น้ำน่านได้โดยเร็ว และเป็นการป้องกันไม่ให้ต้นข้าวหอมมะลิในแปลงนาที่กำลังตั้งท้องและบางส่วนที่กำลังออกรวง จมน้ำป่าได้รับความเสียหาย เพราะจะทำให้ชาวนาต้องประสบปัญหาการขาดทุนตามมา

ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านจังหวัดหนองคาย มีระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ล่าสุดวัดที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคาย กรมทรัพยากรน้ำ มีระดับอยู่ที่ 10.75 เมตร เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของเมื่อวานนี้ถึง 52 ซม. ต่ำกว่าตลิ่งเพียง 1.45 เมตร และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ไม่ต่ำกว่า 1 เมตร เนื่องจากระดับน้ำทางตอนเหนือ คือ ที่สถานีเชียงคาน จังหวัดเลย วันนี้เพิ่มขึ้นถึง 1.01 เมตร เช่นกัน อีกทั้งยังมีฝนตกทั้งในพื้นที่ ทางตอนบน และในสปป.ลาว จากอิทธิพลของพายุโซนร้อนเบบินคา ทางการต้องติดตามสถานการณ์และเตรียมรับมือน้ำโขงหนุนลำห้วย และฝนตกหนักน้ำท่วมฉับพลัน

ระดับน้ำโขงที่เพิ่มสูงขึ้นได้เริ่มหนุนเข้าท่อระบายน้ำภายในเขตเทศบาลเมืองหนองคายแล้ว ซึ่งเทศบาลเมืองทำการปิดปากท่อระบายน้ำที่ชุมชนสระแก้วที่มีระดับต่ำกว่าจุดอื่น และจะทยอยปิดปากท่อระบายน้ำในจุดอื่นๆ ที่เหลืออีก 6 จุด พร้อมทำการสูบน้ำด้วยเครื่องสูบน้ำ ระบายน้ำภายในเขตเทศบาลลงในแม่น้ำโขงแทน นอกจากนี้ระดับน้ำโขงที่สูงขึ้นยังได้หนุนเข้าลำน้ำสาขาต่างๆ ซึ่งลำน้ำสาขาที่มีประตูระบายน้ำทั้งที่ห้วยหลวงและห้วยโมง จะทำการปิดประตูระบายน้ำในช่วงบ่ายของวันนี้ แล้วใช้เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ระบายน้ำออกจากลำห้วยลงในแม่น้ำโขงแทน

ส่วนที่จังหวัดระนอง บริเวณจุดชมวิวน้ำตกปุญญบาล หมู่ 1 ตำบลบางนอน อำเภอเมือง จังหวัดระนอง ซึ่งเป็นถนนสายหลักเชื่อมต่อภาคกลางและภาคใต้ เกิดเหตุดินภูเขาเลื่อนไหล ความยาวจากบนภูเขากว่า 100 เมตร ซึ่งดินได้เลื่อนไหลทับถนนถึง 2 ครั้ง โดยเมื่อช่วงเย็นวาน(17ส.ค.) ที่ผ่านมา ดินได้เลื่อนไหลมาเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ได้ระดมเครื่องจักรกลหนัก มาทำการตักดินออกจากพื้นที่ จนต้องมีการปิดถนนไม่ให้รถทุกชนิดผ่าน จนถึงเช้านี้ก็ยังคงต้องปิดถนนเนื่องจากยังมีดินเลื่อนไหลและฝนตกลงมาเป็นระยะ

ล่าสุดเช้านี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันประเมิน พบว่า ในพื้นที่จุดเกิดเหตุ ยังมีความเสี่ยงต่อเนื่อง เนื่องจากดินภูเขาอุ้มน้ำมาก มีการเลื่อนไหลดินจากบนภูเขาลงมาสู่ด้านล่างตลอดเวลา อีกทั้งยังคงมีฝนมาเป็นระยะ จึงต้องเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ล่าสุดทางจังหวัดระนอง ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตภัยพิบัติ ห้ามรถทุกชนิดผ่านโดยไม่มีกำหนด เพื่อความปลอดภัย โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยบอกทางเบี่ยงทั้งในส่วนที่มาจากทางภาคใต้ ทั้งในส่วนที่มาจากทางภาคกลาง ให้ใช้ทางเบี่ยงชึ่งมีระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร ทั้งนี้จะมีการประเมินสถานการณ์ทุก 6 ชั่วโมง 

ด้านนายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดในภาคเหนือให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ เนื่องจากมีฝนตกชุก และตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่จังหวัดน่าน ซึ่งจะมีฝนตกหนักในวันนี้อีก 1 วัน อาจทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำได้  

กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าในภาคเหนือจะยังมีฝนตกชุกต่อเนื่องอีก 1 วันในวันนี้ (18 ส.ค.) แต่ปริมาณฝนจะไม่มากเท่าวันที่ 17 สิงหาคม เนื่องจากพายุเบบินคาที่ได้เข้าปกคลุมจังหวัดเชียงรายเมื่อเวลา 01.00 น. คืนที่ผ่านมา และเวลา 04.00 น. เคลื่อนตัวสู่จังหวัดเชียงใหม่ และได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง จึงยังต้องเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากในจังหวัดที่มีลักษณะภูมิประเทศลาดชัน เช่น น่าน พะเยา และอุตรดิตถ์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัท เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้าน

กทม. 18 พ.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัทชิปปิ้ง เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้านบาท พบก่อเหตุคล้ายกันในบริษัทฯ อีก 2 แห่ง รวมรัฐเสียหายกว่า 430 ล้านบาท ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นำเจ้าหน้าเข้าจับกุม นางสมบุญ อายุ 54 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1051/2568 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์2568 ในความผิดฐาน “ร่วมกันเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มกระทำการใดๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน ที่ลานจอดรถหน้าอพาร์ทเมนต์ พื้นที่ ม.2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พฤติการณ์ ของ น.ส.สมบุญ ผู้ต้องหา ตรวจสอบพบว่า เป็นหนึ่งในกรรมการ บริษัท แห่งหนึ่งประกอบกิจการเป็นตัวแทนนำเข้าสินค้าและดำเนินพิธีการศุลกากรเพื่อนำสินค้าออกจากท่าเรือ แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่าบริษัทฯดังกล่าวมีพฤติการณ์ปิดบังซ่อนเร้นที่มาของรายได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ โดย บริษัทมักจะไม่มีการออกใบกำกับภาษีขายและใบเสร็จรับเงินสำหรับค่าบริการให้แก่ลูกค้าแต่อย่างใด และการจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างของบริษัทฯ มักจะจ่ายเป็นเงินสดให้ลูกจ้างเป็นรายสัปดาห์ […]

สาวใจเด็ด โดดจยย.รับจ้าง วิ่งตามรถตัวเองหลังตามหา 1 ปี

กทม. 18 พ.ค. – สาวใจเด็ด โดดลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้าง วิ่งไล่รถตัวเอง หลังตามหาและผ่อนกุญแจเปล่ามานานกว่า 1 ปี พบเพื่อนสนิทนำรถไปค้ำประกันกับเจ้าหนี้ จากกรณีคลิปที่มีการแชร์ในโซเซียล ขณะผู้หญิงใส่เสื้อลายกำลังวิ่งไล่ตามรถเก๋งสีขาว พร้อมตะโกนให้คนช่วย จนพลเมืองดี ช่วยกันเข้ามารายล้อมรถและคนขับรถเก๋งต้องเลี้ยวเข้าซอย เพื่อลงมาเคลียร์ ก่อนเกิดเหตุชุลมุนขึ้น เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) ล่าสุดทีมข่าวเปิดใจ สาวที่ปรากฏในคลิป เล่าถึงสาเหตุที่ต้องเข้าไปขวางรถยนต์คันนี้ เพราะว่าเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม ปี 2567 ตนเองได้ซื้อรถเก๋งคันนี้ ทะเบียนขอนแก่น และนำรถไปฝากจอดไว้ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง ซึ่งเป็นห้องของแฟนเพื่อนสนิท แต่หลังจากที่นำรถไปฝาก ก็ไม่เคยได้พบรถตัวเองอีกเลย โดยเพื่อนสนิท อ้างว่าแฟนเอาไปขับ ทุกครั้งที่ทวงถามหารถ จะมีการบ่ายเบี่ยงต่างๆ นานา จนในที่สุด ตนเองก็เข้าแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ห้วยขวาง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตามหารถ เวลาผ่านไปประมาณ 1 ปี ก็ยังตามหาไม่ได้ ตนเองจึงต้องผ่อนกุญแจเปล่า มาเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม […]

ข่าวแนะนำ

ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า “ดีเจเตเต้”

กาญจนบุรี 19 พ.ค. – ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการแล้ว 4 ราย อุ้มฆ่า “ดีเจเตเต้” ตั้งข้อหาหนักหลายกระทง ล่าสุด ครอบครัวรับศพแล้ว เผยผลชันสูตร กระสุนเจาะศีรษะ 2 นัด เป็นเหตุเสียชีวิต พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เดินทางลงพื้นที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีล่าตัวแก๊งอุ้มฆ่า นายวราพงษ์ ขุนศรีจตุรงค์ หรือ ดีเจเตเต้ อายุ 33 ปี โดยภายหลังการประชุม พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้จับกุม นายธนเดช หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า ดีเจเตเต้ แล้ว ส่วนอีก 4 คน ศาลอนุมัติหมายจับ ประกอบด้วย นายณรงค์เดช, นายภคณัท, นายนพพิจิตร และนายธราเทพ ทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ใน 5 ข้อหาหนัก ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

“บิ๊กเต่า” นำทีมตรวจเงินวัดไร่ขิง พบบัญชีวัดเพิ่มอีกรวม 49 บัญชี

นครปฐม 19 พ.ค. – “บิ๊กเต่า” นำทีมตรวจเงินวัดไร่ขิง พบตู้บริจาค 185 ตู้ บัญชีวัดรวม 49 บัญชี รอตรวจสอบเส้นเงินที่ชัดเจน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้นำกำลังตำรวจ เจ้าหน้าที่ สตง. และเจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนา เข้าตรวจสอบข้อมูลการเงินเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม ภายในห้องการเงิน วัดไร่ขิง ก่อนที่ในช่วงบ่ายพระครูปฐมธีรวัฒน์ (บัญชา ฐิตธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ได้เป็นตัวแทนนำ จนท.ออกมาชี้จุดตั้งตู้บริจาคปัจจัยที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัด พบว่ามีตู้บริจาคทั้งหมด 185 ตู้ ซึ่งหลังจากใช้เวลาตรวจสอบบัญชีเพิ่มเติมกว่า 8 ชั่วโมง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่าการตรวจสอบในวันนี้ ไม่ได้ เป็นการสอบปากคำ แต่เป็นเพียงการเรียกทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีการเงินของวัดประมาณ 10 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารจาก 4 ธนาคาร เข้ามาให้ข้อมูล เพื่อหาข้อสรุปว่า บัญชีของวัดมีกี่บัญชี ซึ่งทำให้พบบัญชีวัดเพิ่มขึ้นจากที่พบก่อนหน้านี้ 20 กว่าบัญชี (ใน 20 กว่า มีบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาส […]

เร่งช่วยคนพลัดตกหลุมก่อสร้างรถไฟฟ้า ลึกกว่า 10 ม.

กทม. 19 พ.ค. – เร่งช่วยคนพลัดตกหลุมลึกกว่า 10 ม. โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม เกิดเหตุคนพลัดตกลงไปในหลุมซึ่งกำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ใกล้เคียงซอยหลานหลวง 8 ขนาดความลึกประมาณ 15-19 เมตร ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างช่วยเหลือ โดยโรยตัวลงไปช่วยผู้ติดอยู่ภายในหลุม สำหรับโครงการดังกล่าว เป็นโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เบื้องต้นคาดว่าอุบัติเหตุน่าจะเกิดระหว่างขั้นตอนก่อสร้าง ซึ่งเป็นช่วงที่ดันปลอกเหล็กขึ้นลงเพื่อขุดดินก่อสร้างสถานีหลานหลวง ส่วนสาเหตุที่แน่ชัดต้องตรวจสอบต่อไป.-สำนักข่าวไทย