ทำเนียบฯ 17 ส.ค. – รัฐบาลเร่งเครื่องพัฒนาโลจิสติกส์ให้ครบวงจร นำร่องเส้นทางสุราษฎร์ – อ่าวไทยตอนบน เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ของไทย กำชับแผนงาน 5 ปี ต้องคืบหน้าชัดเจนในช่วง 7 เดือน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ เพื่อเร่งรัดแผนงานภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ (2560-2564) แบ่งเป็นโครงการปี 2560-2562 จัดสรรวงเงินแล้ว 337,419 ล้านบาท และโครงการปี 2562-2564 จำนวน 255 โครงการ วงเงินรวม 471,348 ล้านบาท เพื่อลดต้นทุนการขนส่งผ่านระบบโลจิสติกส์จากปัจจุบันร้อยละ 13.9 ของ GDP ขณะที่ดัชนีวัดประสิทธิภาพระบบโลจิสติกส์ระหว่างประเทศปี 2561 ไทยอยู่ที่อันดับ 32 ของโลก ดีขึ้น 13 อันดับ จากอันดับ 45 ในปี 2559 และอยู่อันดับ 2 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์ หากระบบโลจิสติกส์พัฒนาครอบคลุมจะลดต้นทุนขนส่งได้อีกจำนวนมาก
ทั้งนี้ ที่ประชุมต้องการเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงคมนาคม การท่าเรือแห่งประเทศไทย กรมศุลกากร สำนักงานสคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนงานผลักดันให้ชัดเจนในช่วง 7 เดือนข้างหน้า ครอบคลุมทั้งการพัฒนารถไฟทางคู่ 10 เส้นทาง ถนนมอเตอร์เวย์ ระบบขนส่งสินค้า การแปรรูป คลังสินค้า ระบบตรวจปล่อยสินค้า ให้มีความสะดวกรวดเร็ว จะทำให้นักลงทุนต่างชาติตัดสินใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น ในระหว่างการประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดชุมพร สัปดาห์หน้า สศช.เตรียมเสนอแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) เพื่อนำร่องพัฒนาเส้นทางสุราษฎร์ธานี-อ่าวไทยตอนบน รวมทั้งโครงข่ายคมนาคมสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ กิจกรรมขนส่งทาเรือ ขนส่งตามชายฝั่ง การพัฒนารถไฟทางคู่ชุมพร-ระนอง เพื่อพัฒนาเส้นทางไปสู่อันดามันเชื่อมกับฝั่งอ่าวไทยให้สะดวกมากขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้บริษัท กสท โทรคมนาคม เป็นผู้ให้บริการระบบ National Single Window เชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานต่าง ๆ ให้บริการ ณ จุดเดียว ในการนำเข้า ส่งออกสินค้า ผ่านพิธีการศุลกากร โดยกรมศุลกากรเป็นเจ้าภาพดำเนินการต้องมีความคืบหน้าไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ในปี 2561 และลดขั้นตอนกระบวนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐเป็นรายสินค้า เช่น น้ำตาล ข้าว ยางพารา สินค้าแช่แข็ง วัตถุอันตราย ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป. – สำนักข่าวไทย