กลุ่ม ปตท.ตุนกระแสเงินสด 3.95 แสนล้านบาท พร้อมลงทุน S-Curve

กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – กลุ่ม ปตท.มีกระแสเงินสด 3.95 แสนล้านบาท พร้อมลงทุน S-Curve และธุรกิจใหม่ ทั้งรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน สมาร์ทซิตี้ “บางซื่อ” ประกาศรายได้และกำไรทำให้เดินหน้าตามหลัก 3P พัฒนายั่งยื่น ได้แก่ People การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ชุมชน และสังคม Planet การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ Profit การสร้างกำไร


นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. แถลงว่า กลุ่ม ปตท.มีกระแสเงินสดรวมกัน 395,000  ล้านบาทเป็นส่วนของ ปตท.เกือบ 100,000 ล้านบาท จึงถือว่าพร้อมลงทุนธุรกิจใหม่ทั้ง New S-Curve ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ไฟฟ้าหรือยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงธุรกิจตอบสนองนโยบายรัฐบาล แต่ต้องดูถึงการตอบแทนการลงทุนที่เหมาะสมด้วย เช่น โครงการลงทุนรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน โครงการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ สถานีกลางบางซื่อ เป็นต้น

ด้านนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีและวิศวกรรม ปตท. และว่าที่ซีอีโอ ปตท. กล่าวว่า โครงการบางซื่อคงจะชัดเจนปีหน้า ขณะนี้ต้องรอมาสเตอร์แพลนการพัฒนาจากกระทรวงคมนาคม ส่วนรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน ขณะนี้ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาพิจารณาโครงการว่าควรลงทุนหรือไม่  หากลงทุนแล้วควรร่วมทุนกับใคร ซึ่งขณะนี้พูดคุยกับพันธมิตรทั้งไทย ยุโรป และญี่ปุ่น โดยจะชัดเจนก่อนยื่นประมูลโครงการ เดือน พ.ย.นี้  ซึ่งพื้นที่ในภาคตะวันออกตามโครงการอีอีซีนั้น เป็นพื้นที่ที่กลุ่ม ปตท. ลงทุนอยู่แล้วทั้งไทยออยล์, ไออาร์พีซี , จีพีเอสซี และจีซี (บมจ.พีทีทีโกลบอลเคมิคอล) ซึ่งสามารถต่อยอดการพัฒนาใช้ความเชี่ยวชาญที่อยู่มาพัฒนาโครงการได้


นางนิธิมา เทพวนังกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน ปตท. อธิบายถึงกำไร ปตท.ไตรมาส 2/2561 ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท ลดลงกว่าไตรมาส 1/2561 เกือบ 10,000 ล้านบาท ว่า เกิดจากไตรมาส 1 มีกำไรเกือบ 5,000 ล้านบาทจากจากการขายกองทุนด้านพลังงาน ส่วนที่เหลือเป็นผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินกู้ที่บาทอ่อนค่า โดยธุรกิจกลุ่ม ปตท.ปกติมียอดขายทั้งรูปเงินบาทและเงินตราต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่เป็นเงินตราต่างประเทศ เพราะฉะนั้นมีทั้งได้ประโยชน์และเสียประโยชน์จากบาทอ่อนค่า หรือแข็งค่าเป็นลักษณะ NATURAL HEDGE  โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ กลุ่ม ปตท.มีหนี้สินรวมประมาณ 505,000 ล้านบาท  เป็นเงินตราต่างประเทศร้อยละ 40 เงินไทยร้อยละ 60 โดยหากเทียบกับครึ่งแรกของปี 2560 แล้วกำไรอัตราแลกเปลี่ยนส่วนนี้ลดลงจาก 7,800 ล้านบาท เหลือ 2,200 ล้านบาท  และในส่วนเฉพาะ ปตท.นั้นมีหนี้สิน 174,000 ล้านบาท เป็นหนี้เงินตราต่างประเทศร้อยละ 30 และในครึ่งแรกของปีนี้เทียบกับครึ่งแรกปี 2560 แล้วกำไรอัตราแลกเปลี่ยนส่วนนี้ลดลงจาก 4,400 ล้านบาท เหลือ 2,400 ล้านบาท


นายเทวินทร์ ย้ำว่าการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2561 มุ่งเน้นแนวทางการบริหารจัดการความยั่งยืนกลุ่ม ปตท. ตามหลัก 3P โดยให้ความสำคัญ 3 ด้านอย่างสมดุล ได้แก่ People การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ชุมชน และสังคม Planet การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ Profit การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยใช้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals (SDGs) เป็นตัวกำหนดทิศทางเพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาระดับสากล

ในส่วนของ People ปตท.มุ่งเน้นพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม เพื่อเศรษฐกิจที่ดี สร้างชีวิตที่มีคุณภาพแก่คนในสังคม  อันจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ เช่น การพัฒนาการศึกษาไทย โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  ร่วมเป็น 1 ใน 12 บริษัท ผู้ร่วมพัฒนา “โรงเรียนประชารัฐ” ,โรงเรียนกำเนิดวิทย์ KVIS , สถาบันวิทยสิริเมธี, เป็นผู้นำพัฒนาเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EECi   โดยร่วมสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ของประเทศพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเล่ย์ จ.ระยองให้เป็น Smart Natural Innovation Platform เป็นต้น 

ในส่วนของ Planet  ปตท.มุ่งมั่นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมในทุกมิติของกระบวนการทำงาน เช่น นำพาป่าสู่เมืองผ่าน “ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง ปตท.” กรุงเทพฯ และ “ศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์” จ.ระยอง ,สานพลังความร่วมมือกับ 33 องค์กร ทั้งภาครัฐ เอกชน ผนึกกำลัง 6 ชุมชน   คุ้งบางกะเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 

ในส่วน Profit  ปตท. ดำเนินธุรกิจกลยุทธ์ PTT 3D ด้วย Do Now เพื่อสร้างความสามารถการแข่งขัน Decide Now เพื่อขยายการเติบโตอย่างยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ โดยขยายการลงทุนโครงการที่สำคัญ อาทิ ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5 และคลังรับก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นต้น

สำหรับงบการเงินรวมของ ปตท.และบริษัทย่อยครึ่งแรกของปี 2561 มีกำไรสุทธิรวม 69,817 ล้านบาท (ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 9.89) คิดเป็นกำไร 2.43 บาทต่อหุ้น ปัจจัยสำคัญเชิงบวกและเชิงลบที่ทำให้ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2561 ของ ปตท.และบริษัทในกลุ่มต่ำกว่าครึ่งปีแรกของปี 2560 ได้แก่ กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 140,438 เป็น 170,870 ล้านบาท จากราคาน้ำมันดิบดูไบและราคาปิโตรเคมี ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลการดำเนินงานปกติโดยรวมดีขึ้น และการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (Productivity Improvement) สร้างกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี 20,721 ล้านบาท ใน 1H/2561 ไม่มีรายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ (Non-recurring Items) ขณะที่ใน 1H/2560 ปตท.มี Non-recurring Itemsจากรายได้เงินปันผลจากกองทุนรวม EPIF 4,310 ล้านบาท และกำไรจากการขายเงินลงทุนในกองทุนรวม 990 ล้านบาท 

กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ลดลงจาก 7,822 เป็น 2,276 ล้านบาท จากเงินบาทที่อ่อนค่าลงภาษีเงินได้ เพิ่มขึ้น 14,650  ล้านบาท จาก 11,951 ล้านบาทใน 1H/2560 เป็น 26,601 ล้านบาทใน 1H/2561 โดยหลักมาจาก บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ซึ่งได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ข่าวแนะนำ

ซุ้มไฟเฉลิมพระเกียรติฯ สุดตระการตา รับประเพณียี่เป็ง

ยามค่ำคืนในตัวเมืองเชียงใหม่ ประดับประดาด้วยแสงไฟรับประเพณียี่เป็ง หรือลอยกระทงเชียงใหม่ โดยเฉพาะบนถนนท่าแพ มีการสร้างซุ้มประดับไฟเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 14 ซุ้ม ยาวกว่า 200 เมตร.

“ฟิล์ม รัฐภูมิ” ตั้งโต๊ะแจงปมรีดทรัพย์ รับอ้างชื่อ “หนุ่ม กรรชัย” เพื่อขายงาน

“ฟิล์ม รัฐภูมิ” ตั้งโต๊ะแจงปมเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท จากดิไอคอน ยอมรับอ้างชื่อ “หนุ่ม กรรชัย” เพราะต้องการขายงาน

คุมตัว “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ฝากขัง เจ้าตัวเงียบรีบเดินขึ้นรถตู้

ตำรวจกองปราบคุมตัว “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ฝากขัง ผู้ต้องหาปัดตอบสื่อ ด้านพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เพราะมีพฤติการณ์หลบหนี