ก.ล.ต.เตือนถูกหลอกลงทุนเงินดิจิทัล

กรุงเทพฯ  10 ส.ค. – ก.ล.ต.เตือนผู้ลงทุนใช้ความระมัดระวังอย่างมาก หลังพบพฤติกรรมอ้างการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมเปิดรายชื่อตัวกลางที่สามารถประกอบธุรกิจต่อไปก่อนได้ หากยื่นขออนุญาตภายใน 14 สิงหาคม 2561 


นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาพบว่ามีการหลอกลวงโดยอ้างถึงการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลหลายกรณี ซึ่งนำไปสู่ความเสียหายของผู้ลงทุนในมูลค่าสูง จึงเป็นที่มาของการจัดทำ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 เพื่อกำหนดกรอบการกำกับดูแลให้ผู้ออกโทเคนดิจิทัลและผู้ที่ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกได้

ทั้งนี้ หากประชาชนถูกชักชวนให้ลงทุนในไอซีโอหรือซื้อโทเคนดิจิทัลช่วงนี้ ขอให้ทราบว่าปัจจุบันยังไม่มีผู้ออกไอซีโอรายใดได้รับการอนุญาต รวมทั้งยังไม่มีผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล ( ICO portal) ที่ได้รับการยอมรับจาก ก.ล.ต. ซึ่งในอนาคตเมื่อมีผู้ออกไอซีโอ หรือ ICO portal ที่เป็นไปตามเกณฑ์แล้ว  ก.ล.ต.จะเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวบนเว็บไซต์ ก.ล.ต.ต่อไป   


ส่วนกรณีที่ถูกชักชวนให้ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีผู้แสดงตนเป็นตัวกลาง ไม่ว่าจะในฐานะศูนย์ซื้อขาย นายหน้า หรือผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น  ก.ล.ต.ขอให้ผู้ลงทุนตรวจสอบรายชื่อผู้ที่ติดต่อชักชวนบนเว็บไซต์ ก.ล.ต.ก่อน ทั้งนี้ ผู้ที่สามารถประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลปัจจุบันได้ต้องเป็นผู้ที่ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลก่อนวันที่ 14 พฤษภาคม 2561 หากมายื่นขออนุญาตภายในวันที่ 14 สิงหาคม 2561 จะสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้จนกว่าจะถูกสั่งห้าม ส่วนผู้ที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหม่จะต้องได้รับใบอนุญาตก่อน จึงจะเริ่มประกอบธุรกิจได้หากพบว่าผู้ที่มาติดต่อชักชวนไม่อยู่ในรายชื่อดังกล่าว ขอให้ผู้ลงทุนใช้ความระมัดระวังอย่างมาก และหากประชาชนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล สามารถสอบถาม ก.ล.ต. ที่ โทร. 1207

ส่วนกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวตำรวจกองปราบปรามจับกุมผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงิน โดยผู้เสียหายถูกชักชวนให้ลงทุนประกอบธุรกิจประเภทซื้อ-ขาย สกุลเงินดิจิทัล และผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินดิจิทัลสกุลบิทคอยน์ คิดเป็นเงินไทยกว่า 797 ล้านบาท ในชั้นนี้ ก.ล.ต.อยู่ระหว่างประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงที่ชัดเจนและจะนำมาพิจารณาว่ามีการกระทำส่วนใดที่เป็นการกระทำผิดกฎหมายหลักทรัพย์หรือกฎหมายการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลหรือไม่ หากพบว่ามีส่วนที่เกี่ยวข้อง ก.ล.ต.จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

PEA ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา 5 จุด

เริ่มแล้ว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รับนโยบาย สมช.สั่งตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมา 5 จุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้

บุกจับกำนันหญิงแหนบทองคำ ฉ้อโกง 41 ล้าน

ตำรวจพิษณุโลกเปิดปฏิบัติการ “หักขาไก่” นำ 10 หมายจับ รวบตัว “กำนันหญิงแหนบทองคำ” ประธานกองทุนหมู่บ้าน กับคณะกรรมการกองทุนฯ ร่วมฉ้อโกงประชาชน หลังชาวบ้าน 140 ราย แจ้งความ มูลค่าความเสียหาย 41 ล้านบาท

ชาวเมียวดีหวั่นถูกตัดไฟฟ้า เตรียมเทียนไข-ไฟโซลาร์เซลล์

ชาวบ้านเมียวดี ฝั่งเมียนมา ตรงข้ามชายแดนแม่สอด จ.ตาก หวั่นไทยตัดไฟฟ้า กระทบวงกว้าง เตรียมเทียนไข-ไฟโซลาร์เซลล์-เครื่องปั่นไฟ รับมือ ด้าน PEA ชี้ตัดไฟเมียนมาอาจสูญเปล่า หากไม่พิจารณาให้ครบถ้วน

ข่าวแนะนำ

รวบแล้วนักโทษหนีเรือนจำนนทบุรี จนมุมที่ จ.ชลบุรี

จับได้แล้วนักโทษชายหนีเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ระหว่างออกกองงานภายนอก จนมุมที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางแสน จ.ชลบุรี ก่อนนำตัวมาสอบสวนและดำเนินคดีที่ สภ.เมืองนนทบุรี

ตัดไฟ 5 จุดชายแดนเมียนมา วันแรก กระทบชาวบ้านหลายหมื่นคน

หลังทางการไทยตัดไฟฟ้าที่เชื่อมโยงไปยังเมืองเมียวดี ฝั่งเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ส่งผลชาวบ้านแห่กักตุนน้ำมัน โรงพยาบาลเมียวดีได้รับผลกระทบในการเก็บเวชภัณฑ์ที่ต้องใช้ตู้แช่

ตร.ปัตตานีเร่งล่า 6 คนร้ายควงปืนปล้นร้านสะดวกซื้อ

อุกอาจ 6 คนร้าย พร้อมอาวุธมีด-ปืน ยกพวกปล้นร้านสะดวกซื้อใน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ได้เงินไป 4,492 บาท ตำรวจเร่งไล่กล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ที่คนร้ายใช้เป็นเส้นทางหลบหนี

นายกฯ​ ยกคณะเยือนจีน หารือความร่วมมือรอบด้าน

นายกรัฐมนตรี​ ยกคณะเยือนจีนอย่างเป็นทางการ หารือความร่วมมือรอบด้าน แก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์-อาชญากรรมข้ามชาติ ย้ำไทยปลอดภัย พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนตลอดปี สานต่อ​รถไฟความเร็วสูง-แลนด์บริดจ์ ขณะที่เตรียมรับแพนด้ายักษ์คู่ใหม่​ และจะไปให้กำลังใจนักกีฬาไทยแข่งเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว