กรุงเทพฯ 10 ส.ค.- ผู้บังคับการกองปราบปราบ เตรียมออกหมายจับคดีหลอกลงทุนบิทคอยน์ เชื่อมโยงตระกูลจารวิจิตเพิ่ม 5-6 ราย ยืนยันคดีไม่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกรรมในตลาดหลักทรัพย์
จากกรณีตำรวจกองปราบปรามจับกุมตัวนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือ บูม นักแสดงจากซีรีส์ละคร ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน หลังมีผู้เสียหายชาวต่างชาติเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ถูกนายบูม และครอบครัว หลอกลงทุนสกุลเงินดิจิทัล ทำให้เสียหาย 797 ล้านบาท โดยศาลยังออกหมายจับนายปริญญา จารวิจิต และนางสาวสุพิชย์ฌา จารวิจิต พี่ชายและพี่สาวของนายบูม ในข้อหาเดียวกันด้วย
วันนี้ที่กองปราบปรามได้มีกลุ่มเพื่อนสนิทของนายบูมเดินทางมาเยี่ยมและพูดคุยอยู่บริเวณหน้าห้องขังกองปราบปราม ก่อนที่จะเดินทางกลับเมื่อสื่อมวลชนเริ่มทยอยเดินทางมาเฝ้าติดตามความคืบหน้าในคดี
มีรายงานว่าตลอดการสอบสวนและการคุมตัวไว้ตลอดทั้งคืน นายบูมยังคงให้การปฎิเสธ และยืนยันตามคำให้การเดิมคือไม่มีส่วนรู้เห็น โดยอ้างว่าบัญชีดังกล่าวถูกพี่ชายนำไปใช้ ส่วนกระแสข่าวว่า นางสาวสุพิชย์ฌา พี่สาวนายบูม ติดต่อขอเข้ามอบตัวนั้นยังไม่มีการยืนยันจากกองปราบปราม และยังไม่พบว่านางสาวสุพิชย์ฌา เดินทางมามอบตัวแต่อย่างใด
พลตำรวจตรีไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม ระบุว่า นางสาวสุพิชย์ฌา ได้ประสานผ่านคนกลางมาเพื่อขอเข้ามอบตัว หลังวานนี้ ปรากฏเป็นข่าวในสื่อ แต่ไม่ระบุวันเวลาสถานที่มอบตัว และยังไม่พบการเดินทางออกนอกประเทศ ทั้งนี้ เตรียมออกหมายจับเพิ่มอีกประมาณ 5-6 คน ที่รับเงินจากการฉ้อโกงเข้าหมุนเวียนในบัญชี
ขณะที่พันตำรวจเอกชาคริต สวัสดี รองผู้บังคับการกองปราบปราม ยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกรรมหรือบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ แต่เป็นลักษณะแอบอ้างว่าบริษัทตัวเองอยู่ในเครือบริษัทในตลาดหลักทรัพย์
ส่วนนายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ บุคคลที่มีชื่อเสียงในตลาดหลักทรัพย์ ที่เข้ามาพบรองผู้บังคับการปราบปราม เพื่อเข้าชี้แจ้งอ้างว่าตนเองตกเป็นเหยื่อของขบวนการนี้เช่นเดียวกัน แต่จากการสืบสวน รวบรวมหลักฐานเจ้าหน้าที่ตำรวจพบข้อมูลที่เชื่อได้ว่านายประสิทธิ์ อาจจะมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน
และจากการตรวจสอบ 3 บริษัท ที่มีการเปิดทั้งในประเทศไทยและเกาะฮ่องกง ยังพบว่านายปริญญา พี่ชายบูม เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าว โดยทะเบียนการค้าทั้งสามบริษัท พบว่ามีคนในตระกูลจารวิจิต เข้าร่วมด้วยและบางบริษัทมีการแอบอ้างกับผู้เสียหายโดยไม่มีตัวตนจริง นอกจากนี้ ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายดังกล่าวอีกหลายบริษัท ซึ่งตำรวจกองปราบอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน ซึ่งนายปริญญา เคยมีประวัติถูกออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกรอีกด้วย
จากนั้นพนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายบูม ไปขออำนาจศาลอาญารัชดาฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีมูลค่าความเสียหายสูง เกรงจะหลบหนี
อ่าน จับ “บูมจิรัชพิสิษฐ์” ดาราวัยรุ่น ลวงเหยื่อลงทุนสกุลดิจิทัลสูญกว่า 797 ล้าน
สำหรับพฤติการณ์ของขบวนการนี้ ร่วมกันหลอกลวง นักลงทุนชาวต่างชาติชื่อนายอาร์นี ออตตาวา ซาอ์ริมาอ์ ชาวฟินแลนด์ ให้ร่วมลงทุนเหรียญ bitcoin ให้มาลงทุนในประเทศไทยโดยนำเหรียญดังกล่าวไปเปลี่ยนเป็นอีกหนึ่งสกุลเพื่อลงทุนต่อไปยังตลาดหลักทรัพย์และนำไปใช้ในบ่อนการพนันที่มาเก๊า แต่ไม่มีการนำเงินไปลงทุนอย่างที่กล่าวอ้างแต่นำเงินดังกล่าวไปหมุนเวียนใช้จ่ายภายในครอบครัว และใช้เงินซื้อที่ดิน ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่อายัดเงินได้แล้วกว่า 200 ล้านบาท จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีบัญชีที่เกี่ยวข้องกว่า 40 บัญชี.-สำนักข่าวไทย