เอสเอ็มอีไทยเริ่มดีขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – หอการค้าไทยเผยดัชนีความสามารถการแข่งขันธุรกิจเอสเอ็มอี ไตรมาส 2 ดีขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ยังต่ำกว่าเกณฑ์  คาดฟื้นเต็มที่ไตรมาสแรกปีหน้า


นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลสำรวจดัชนีความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจเอสเอ็มอีไตรมาสที่ 2/2561 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างศูนย์พยากรณ์ฯ และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) โดยผลสำรวจจากภาคธุรกิจที่ทาง ธพว.ร่วมประเมินในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ อยู่ในระดับ 43.3 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5 จุด เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่ผ่านมา แสดงให้เห็นสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน แต่ยังไม่เต็มที่ เนื่องจากยังต่ำกว่า 50 แต่ถือเป็นการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะเมื่อมีการวิเคราะห์พื้นฐานกลุ่มที่เป็นลูกค้าของ ธพว.มีการฟื้นตัวจากการดำเนินธุรกิจตามคำแนะนำและมีการขอสินเชื่อประกอบธุรกิจได้ดีกว่ากลุ่มที่ไม่ใช่ลูกค้าของ ธพว.อย่างมากไม่ว่าจะเป็นด้านสภาพคล่อง สตอกวัตถุดิบ หนี้สินรวม กำไรสะสม เป็นต้น

ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบดัชนีความสามารถในการทำธุรกิจ ดัชนีความยั่งยืนของธุรกิจ ดัชนีความสามารถในการแข่งขันในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ภาคธุรกิจเอสเอ็มอีโดยรวมปรับตัวดีขึ้นทุกตัวที่ได้ทำการสำรวจมา แม้อาจจะมีบางธุรกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่โดยรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์การฟื้นตัว และมองว่าโดยรวมน่าจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ และน่าจะฟื้นเต็มที่ปลายไตรมาสแรก 2562 


นอกจากนี้ การฟื้นตัวของภาคธุรกิจโดยรวมเป็นการฟื้นตัวตามเศรษฐกิจของโลก แต่การฟื้นตัวยังมีปัจจัยด้านลบ เช่น มาตรการจากสงครามการค้า ความผันผวนจากราคาน้ำมันตลาดโลกและอัตราแลกเปลี่ยนส่งผลให้การฟื้นตัวของภาคธุรกิจยังต้องเจอปัญหาเหล่านี้อยู่ แต่ภาคธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์เหล่านี้จะไปอยู่ในกลุ่มธุรกิจภาคบริการ เช่น การท่องเที่ยว โรงแรม การขนส่ง ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้น ทางศูนย์ฯยังมองว่าจีดีพีปีนี้น่าจะอยู่ที่ร้อยละ 4.5 ขึ้นไป การส่งออกจะเติบโตร้อยละ 7-10 อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 33-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ราคาพลังงานอยู่ในทิศทางขาขึ้น แต่รัฐบาลจะเข้ามาดูแลไม่ให้สูงเกินไป

นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธพว.กล่าวว่า ดัชนีที่สำรวจครั้งนี้สะท้อนถึงแนวทางสนับสนุนลูกค้าธนาคารที่มุ่งเติมทุนผ่านสินเชื่อดอกเบี้ยถูก ควบคู่กับการพัฒนาให้ความรู้รอบด้านไม่ว่าจะเป็นด้านทำบัญชี วางแผนธุรกิจ การตลาด การสร้างมาตรฐานให้สินค้าหรือบริการ ซึ่งนับเป็นแนวทางที่ถูกต้อง เพราะการช่วยเอสเอ็มอีโดยเฉพาะรายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ