สธ.6 ส.ค.-กรมสุขภาพจิตเผยฆ่าตัวตายป้องกันได้แนะสังเกต10สัญญาณเตือน เช่น ประสบปัญหาชีวิต-สูญเสียคนรัก-เก็บตัว หากพบต้องรีบพูดคุยช่วยเหลือ อย่าปล่อยอยู่คนเดียว ขณะที่สื่อ-คนทั่วไป หากมีคลิป ภาพ เกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย ไม่ควรแชร์-เผยแพร่ เพื่อรักษาสิทธิของบุคลและป้องกันการเลียนแบบ
จากกรณีที่มีชายอายุประมาณ 26 ปี กระโดดน้ำฆ่าตัวตายที่สะพานพระราม 8 เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ ( 5 ส.ค.) นั้น นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า กรมสุขภาพจิตได้ประมาณการว่าในปีหนึ่งๆ ในประเทศไทยจะมีผู้พยายามทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย ( Attempt suicide )ประมาณร้อยละ 0.1 ของผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป หรือปีละประมาณ 53,000 คน ในจำนวนนี้กระทำการสำเร็จประมาณ 4,000 คน อีกกว่า 40,000 คนที่พยายามทำร้ายตนเองแล้วไม่สำเร็จและมีโอกาสกลับไปทำร้ายตัวเองซ้ำใหม่สูงกว่าคนทั่วไป คนที่พยายามฆ่าตัวตายจัดเป็นผู้มีปัญหาสุขภาพจิตรุนแรงประเภทหนึ่ง ยังไม่ใช่เป็นคนป่วย ต้องได้รับการช่วยเหลือแก้ไขที่ต้นเหตุ
อย่างไรก็ตามจากการรวบรวมข้อมูลของศูนย์ป้องกันการฆ่าตัวตายระดับชาติ รพ.จิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต พบว่า ผู้ที่ทำร้ายตัวเองซ้ำมีโอกาสฆ่าตัวตายสำเร็จมากกว่าผู้ที่ทำร้ายตัวเองครั้งแรก โดยหากประเทศไทยสามารถป้องกันการทำร้ายตัวเองซ้ำได้อย่างครอบคลุม จะสามารถลดจำนวนผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จได้มากถึงปีละ 350-400 คน หรือคิดเป็น 0.5 ต่อแสนประชากร กรมสุขภาพจิตจึงเน้นการป้องกันและเฝ้าระวังการทำร้ายตัวเองซ้ำ ในคนกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นมาตรการและตัวชี้วัดที่สำคัญของกระทรวงสาธารณสุขในปัจจุบัน โดยตั้งเป้าภายในพ.ศ.2564 จะลดอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จให้เหลือต่ำกว่า 6 ต่อประชากร 100,000 คน จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.35 ต่อประชากร 100,000 คน
ด้าน นพ.ณัฐกร จำปาทอง ผอ.โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ และศูนย์ป้องกันการฆ่าตัวตายระดับชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ในทางวิชาการถือว่าความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดในการที่บุคคลใดบุคลหนึ่งจะทำร้ายตนเองคือผู้ที่มีประวัติทำร้ายตัวเองมาก่อน ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ครอบครัว ญาติ รวมทั้งเพื่อนสนิทใกล้ชิดของผู้ที่มีประวัติดังกล่าว จะต้องคอยดูแลใกล้ชิดช่วยประคับประคองจิตใจหรือพาไปรับการรักษากับแพทย์ เช่นในรายที่มีความเครียดหรือมีอาการซึมเศร้า หากรักษาที่ต้นเหตุได้ ซึ่งมีทั้งการใช้ยารักษาและกระบวนการให้การปรึกษาทางจิตวิทยา เพื่อเปลี่ยนความคิดและมุมมองเกี่ยวกับคุณค่าตัวเองใหม่ ก็จะช่วยได้
ประการสำคัญคือการสังเกตสัญญาณเตือนหรือสัญญาณผู้ที่มีความเสี่ยง ที่บ่งชี้ว่าอาจฆ่าตัวตาย ซึ่งมี 10 สัญญานดังนี้ 1. ประสบปัญหาชีวิต เช่นล้มละลาย เป็นหนี้ สูญเสียคนรักกะทันหัน พิการจากอุบัติเหตุ
2. มีพฤติกรรมเปลี่ยนหันมาใช้เหล้าหรือสารเสพติดผิดปกติ
3. มีประวัติคนในครอบครัวเคยฆ่าตัวตาย
4. แยกตัว เก็บตัว พูดจาน้อยลง
5. บ่นนอนไม่หลับเป็นเวลานาน
6. พูดด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล สีหน้าเศร้าหมอง
7.พูดหรือบ่นว่าอยากตาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ซึ่งปัจจุบันมักจะระบายอารมณ์นี้ในโซเซียลมีเดียบ่อยๆ เช่นเฟซบุ้ค อินสตาแกรมของตัวเอง
8. มีอารมณ์แปรปรวนผิดหูผิดตา เช่นจากเดิมเคยเศร้าเป็นสบายใจร่าเริงผิดปกติ
9.เคยพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน
10 .มีการวางแผนเตรียมฆ่าตัวตายไว้ล่วงหน้า เช่นจัดการทรัพย์สิน พูดฝากฝังคนข้างหลัง เป็นต้น
หากพบผู้มีพฤติกรรมและอารมณ์ที่กล่าวมาขอให้รีบเข้าไปพูดคุยช่วยเหลือ สอบถามโดยเร็ว อย่าคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ส่วนผู้ที่มีปัญหาอย่าอาย สามารถโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
นพ.ณัฐกร กล่าวต่อว่า กรณีสื่อมวลชนและคนทั่วไปหากมีคลิปหรือภาพ เคลื่อนไหวเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย ไม่ควรแชร์หรือเผยแพร่อย่างเด็ดขาด เพื่อเป็นการรักษาสิทธิของบุคล และป้องกันการเลียนแบบการฆ่าตัวตายซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ .-สำนักข่าวไทย