กาญจนบุรี 6 ส.ค.- ผอ.เขื่อนวชิราลงกรณเผยการปรับเพิ่มระบายน้ำแจ้งพื้นที่ริมฝั่งให้เข้าใจก่อนแล้วจาก 36 เป็น 43 ล้าน ลบ.ม. ตามแผนบริหารจัดการและสามารถรับน้ำได้อีกในช่วงฤดูฝน ย้ำเขื่อนแข็งแรงตรวจทุกระยะ ขณะที่ผู้เลี้ยงปลากระชัง-เกษตรกรรับมือ เชื่อไม่ล้นตลิ่ง และเขื่อนระบายน้ำทุกปี
นายไววิทย์ แสงพานิชย์ ผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยถึงการระบายน้ำเพิ่มจาก 36 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เป็น 43 ล้านลูกบาศก์เมตรในขณะนี้ว่า การปรับเพิ่มดังกล่าวเป็นไปตามมติการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำที่จะระบายน้ำวันละ 43 ล้าน ลบ.ม. เป็นเวลา 2 เดือน และการระบายน้ำออกจากอ่างเพื่อให้ปริมาณน้ำอยู่ระดับสมดุลในช่วงฤดูฝน หากระยะนี้ไม่มีพายุหรือฝนตกสะสมในพื้นที่เหนือเขื่อน เชื่อว่าจะไม่มีการระบายน้ำเพิ่มอีก ทั้งนี้ การระบายน้ำวันละ 43 ล้าน ลบ.ม.นั้น ทางเขื่อนได้หารือกับผู้ที่อาจได้รับผลกระทบ เช่น ผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ท และชุมชนริมฝั่ง เพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นของการระบายน้ำ ซึ่งทุกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือและเข้าใจเป็นอย่างดี สำหรับสถานการณ์น้ำเขื่อนวชิราลงกรณล่าสุด (6 ส.ค.) มีปริมาณน้ำสะสม 7,484 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 84 ของการกักเก็บทั้งหมด และยังรองรับน้ำได้อีก 1,400 ล้าน ลบ.ม. โดยอย่าได้วิตกกังวลกับโครงสร้างของเขื่อน ยืนยันว่ายังมั่นคงแข็งแรง 100 เปอร์เซ็นต์ และได้ตรวจสอบอยู่ตลอด
“การระบายน้ำหากเป็นไปตามแผนที่กำหนดก็สามารถมั่นใจได้ว่า เขื่อนวชิราลงกรณจะสามารถรองรับปริมาณน้ำที่จะเข้ามาสู่ตัวเขื่อนในช่วงฤดูฝนที่เหลืออยู่ได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน” นายไววิทย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนของกลุ่มผู้เลี้ยงปลาในกระชังตามลำน้ำแควน้อย ลำน้ำแควใหญ่ และลำน้ำแม่กลอง พบว่าเตรียมรับมือปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นจากการระบายน้ำของเขื่อน โดยได้เสริมความแข็งแรงของกระชังปลาให้มั่นคงขึ้น และเตรียมเรือเพื่อลากดึงกระชังปลา หากกระชังถูกกระแสน้ำพัดหลุดออกจากฝั่ง และจากการสอบถามเกษตรกรไร่อ้อยและสวนกล้วยริมฝั่งแม่น้ำแม่กลองยังมั่นใจแผนการระบายน้ำของหน่วยงาน แม้จะมีการเพิ่มระบายน้ำ แต่คงไม่เกิดน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรหรือบ้านเรือนริมฝั่ง เพราะหลายปีที่ผ่านมาก็มีการปรับเพิ่มระบายน้ำของเขื่อน และผ่านไปด้วยดีทุกครั้ง หรือหากมีการเอ่อล้นก็เป็นระยะเวลาไม่นานที่จะทำให้เกิดความเสียหายกับพืชผล.-สำนักข่าวไทย