อิมแพ็ค เมืองทองธานี 5 ส.ค. – รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ระบุนวัตกรรมชุมชน เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและช่วยให้การปฏิรูปประเทศเดินหน้าได้สมบูรณ์
งานมหกรรม Thailand Social Expo 2018 วันสุดท้าย ที่ อิมแพค เมืองทองธานี มีกิจกรรมเปิดเวทีเสวนา
หัวข้อนวัตกรรมชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเอง สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยนายกอบศักดิ์
ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นปาฐกถาพิเศษ
ในหัวข้อการขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศด้วยนวัตกรรมชุมชนท้องถิ่น กล่าวว่า
รัฐบาลมองเห็นความจำเป็นที่จะต้องสร้างกระบวนความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจใหม่
โดยจะต้องเริ่มที่ฐานรากหรือประชาชนให้มีความเข้มแข็งเพียงพอ
แล้วจะส่งผลต่อยอดไปถึงระดับอื่นต่อไปอย่างถูกต้องเป็นธรรม
ไม่เกิดการกระจุกตัวของรายได้ หรือการพัฒนาที่เฉพาะกลุ่มเฉพาะจุดเท่านั้น
แต่จะเกิดการพัฒนาที่ขยายจากชุมชนออกไปสู่ระดับประเทศ
ซึ่งจะทำให้การพัฒนานั้นๆ มีความมั่นคงและยั่งยืน
โดยรัฐบาลจะต้องเปลี่ยนมุมมอง
เชื่อว่าประชาชนและชุมชนต่างๆ มีศักยภาพที่จะสร้างนวัตกรรมของตัวเองขึ้นมาพัฒนาสิ่งต่างๆได้
ด้วยสิ่งที่ถูกหยิบขึ้นมาพัฒนานั้นเป็นสิ่งที่ประชาชนหรือชุมชนต้องการใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง
จะเกิดพลังขับเคลื่อนให้แนวคิดต่างๆ ไปสู่จุดเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รัฐบาลจะมีหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนในด้านต่างๆให้ขับเคลื่อนไปได้อย่างถูกต้องเหมาะสม โดยปลายปีนี้รัฐบาลกำลังจัดทำกฎหมายที่ยึดชุมชนเป็นศูนย์กลาง
เอื้อให้ชุมชนสร้างนวัตกรรมต่างๆ ของตนเองขึ้นมา
ซึ่งต่างจากเดิมที่ภาครัฐเป็นคนคิดและหยิบยื่นให้ ซึ่งอาจไม่ตรงกับความต้องการและไม่สามารถใช้ได้จริง
การผลักดันครั้งนี้จะทำให้ธนาคารชุมชน
โครงการสวัสดิการชุมชน วิสาหกิจชุมชน
ได้รับการยอมรับมีสภาพเป็นนิติบุคคลทำให้ง่ายต่อการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ
โครงการป่าชุมชน 20,000 หมู่บ้านทั่วประเทศ จะเป็นแหล่งป่าธรรมชาติที่ชุมชนดูแลและใช้ประโยชน์ได้
สร้างความมีส่วนร่วมให้คนกับป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน ได้ทั้งการอนุรักษ์และสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างพอเพียง
รัฐบาลยังเห็นถึงข้อจำกัดของประชาชนที่ปลูกต้นไม้แล้วกลับไม่สามารถตัดหรือใช้ประโยชน์ใดๆ ได้
จะมีการปรับกฎหมายให้ต้นไม้มีค่า เช่น พะยูง หรือ สัก
ที่ปลูกในที่ดินกรรมสิทธิสามารถตัดและใช้ประโยชน์ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นสินทรัพย์ในการค้ำประกันด้านการเงินได้อีกด้วย
ต่อยอดสู่การจัดตั้งธนาคารต้นไม้ต่อไป เป็นการส่งเสริมให้มีการปลูกต้นไม้มีค่าในแต่ละพื้นที่มากขึ้น
อนาคตสามารถใช้ประโยชน์จากไม้เหล่านี้ที่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกวัน ผลพลอยได้ป่าไม่ถูกรบกวนบุกรุกด้วยมีแหล่งไม้เศรษฐกิจเพียงพอขายเป็นรายได้เข้าประเทศ
นายกอบศักดิ์ กล่าวอีกว่า นวัตกรรมชุมชนท้องถิ่น
เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งหากแต่ละชุมชนดึงศักยภาพของตัวเองมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม
ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อทั้งระบบเศรษฐกิจ สังคม การท่องเที่ยว
และอนาคตของประเทศที่ยั่งยืน
จากนั้นเครือข่ายเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชน 5 ภาค
ได้ร่วมประกาศเจตนารมณ์ การขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรมชุมชนท้องถิ่น
สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรับหนังสือประกาศเจตนารมณ์ในครั้งนี้. – สำนักข่าวไทย