โครงการลงทุนอีอีซีคืบหน้า

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – กบอ.นัดแรกรับทราบความคืบหน้าโครงการลงทุนหลักในอีอีซี การรถไฟฯ ศึกษาส่วนต่อขยายโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินที่มีแผนขยายเส้นทางจากอู่ตะเภาไปอีก 30 กม.ไปยังระยอง


นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) ครั้งที่ 1/2561 ว่า กบอ.แต่งตั้งภายใต้ พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่มีนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน รับทราบความคืบหน้าโครงการหลักในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ระยะ 1 (ช่วงท่าอากาศยานดอนเมือง ถึง ท่าอากาศยานอู่ตะเภา) ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ประกาศเชิญชวนการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนและขายเอกสารการคัดเลือกฯ มีบริษัทเอกชนสนใจซื้อเอกสารการคัดเลือกฯ  31 ราย จาก 7 ประเทศ  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเปิดให้ผู้แทนบริษัทเอกชนที่ซื้อเอกสารคัดเลือกฯ ตรวจสอบเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ (Due Diligence) จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2561 โดยขั้นตอนต่อไปจะประชุมชี้แจงเอกสารคัดเลือกครั้ง 2 วันที่ 24 กันยายน 2561 และเปิดรับซองข้อเสนอของผู้ยื่นข้อเสนอ 12 พฤศจิกายน 2561 จากนั้นจะมีการประกาศผลผู้ยื่นข้อเสนอที่ผ่านการประเมินและผ่านการเจรจา และลงนามสัญญาร่วมลงทุนของโครงการฯ ภายในไตรมาส 1 ปี 2562 และเปิดให้บริการโครงการฯ ประมาณปลายปี 2566

สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ระยะ 2 (ช่วงต่อขยายจากท่าอากาศยานอู่ตะเภาผ่านจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด) ขณะนี้อยู่ขั้นตอนของการเตรียมการพัฒนาโครงการภายใต้กรอบเวลาดังนี้ จัดจ้างที่ปรึกษาศึกษาและออกแบบโครงการฯ ส่วนต่อขยายและลงนามสัญญาจ้างที่ปรึกษาภายในตุลาคม 2561 และเริ่มศึกษาและออกแบบโครงการฯ ส่วนต่อขยายพฤศจิกายน 2561


โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา ระยะ 1  ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกครั้งที่ 2/2561 วันที่ 10 สิงหาคมนี้จะพิจารณาให้ความเห็นชอบกรอบหลักการของโครงการฯ  เพื่อเสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติโครงการฯ และวงเงิน ซึ่งคาดว่าจะประกาศเชิญชวนให้เอกชนร่วมลงทุน (ขายซอง) ภายในเดือนกันยายน  2561 พร้อมทำการคัดเลือกและเจรจาต่อรองกับเอกชนเสร็จ รวมถึงจะมีการเสนอคณะกรรมการนโยบายเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชน / ลงนามสัญญา ภายในเดือนธันวาคม 2561 โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินโครงการฯ ปี 2564

 โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะ 3  รับทราบความก้าวหน้าและแผนการดำเนินการในการเพิ่มขีดความสามารถและเพิ่มประสิทธิภาพให้พร้อมรองรับการขยายตัวของปริมาณสินค้าทางน้ำ และทางบก การขนส่งตู้สินค้าผ่านท่าทางรถไฟ โดยใช้ระบบการจัดการตู้สินค้าแบบอัตโนมัติ (Automation)  โดยเป้าหมายการพัฒนาท่าเรือสินค้าประเภทตู้ ปัจจุบันรองรับได้ 11.1 ล้าน TEU พัฒนาเสร็จปี 2567 เพิ่มเป็น 18.1 ล้าน TEU  ท่าเรือสินค้ารถยนต์จากปัจจุบันรองรับ 2 ล้านคัน เพิ่มเป็น 3 ล้านคัน ท่าเรือชายฝั่งระหว่างประเทศ 0.3 ล้าน TEUไม่เปลี่ยนแปลง ท่าเรือชายฝั่งภายในประเทศ จากเดิมไม่มี พัฒนาเสร็จปี 2567 รองรับได้ 1 ล้าน TEU สินค้าตู้ผ่านทางรถไฟ ปัจจุบันรองรับ 2 ล้าน TEU ภายหลังพัฒนาเสร็จปี 2567 รองรับได้ 6 ล้าน TEU

ปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างเตรียมการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชนอีกครั้งภายหลังจากที่เปิดรับฟังไปแล้ว 2 ครั้ง โดยการประชุมครั้งที่ 3 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมาเนื้อหาการพิจารณายังไม่ครอบคลุมตามประกาศของ สกพอ.ในเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการ ในการรับฟังความเห็นจากภาคเอกชน พ.ศ. 2560 จึงมีความจำเป็นในการจัดรับฟังความคิดเห็นอีกครั้งภายในเดือนสิงหาคมนี้


สำหรับแผนงานดำเนินโครงการปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการเสนอต่อคณะกรรมการการท่าเรือฯ และเพื่อเสนอต่อคณะทำงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความเห็นตามกระบวนการของประกาศ EEC track คาดว่าจะสามารถดำเนินการออกประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนภายในเดือนกันยายน 2561 ซึ่งขั้นตอนต่อไปกำหนดให้เอกชนยื่นข้อเสนอภายในต้นเดือนมกราคม 2562 และเสนอขอความเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562

โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3  รับทราบความก้าวหน้าและแผนดำเนินงานการ ซึ่ง การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และที่ปรึกษาโครงการได้ดำเนินการศึกษา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและเพิ่มความจุในการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและสินค้าเหลว ให้บริการรูปแบบท่าเทียบเรือสาธารณะซึ่งมีแนวทางการพัฒนาโครงการเพื่อเพิ่มศักยภาพของท่าเรือเพื่อรองรับการขนถ่ายสินค้า ความสามารถในการรองรับการขนถ่าย (Capacity) จากปี 2560 รองรับก๊าซธรรมชาติได้ 10 ล้านตันต่อปี เพิ่มเป็น 20 ล้านตันต่อปีในปี 2597  ก๊าซธรรมชาติ  สินค้าเหลวผ่านท่าเทียบเรือสาธารณะ ปัจจุบันรองรับได้  6 ล้านตันต่อปี เพิ่มเป็น 10 ล้านตันต่อปี 

กนอ.ได้เปิดสัมมนาการรับฟังความเห็นจากภาคเอกชน (Market Sounding) ไปแล้ว 2 ครั้ง และจะเปิดรับฟังความเห็นจากภาคเอกชนครั้งที่ 3  รวมทั้งจะมีการสรุปรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA Report)  ในเดือนสิงหาคม2561 และจะออกประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนภายในเดือนพฤศจิกายน 2561 และกำหนดให้เอกชนยื่นข้อเสนอ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 คาดว่าจะได้ผลการคัดเลือกเอกชนภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์  รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า การขอรับส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซีครึ่งปีแรก (ม.ค.ถึง มิ.ย.) ปี 2561 มีผู้ประกอบการเข้ามาขอรับการส่งเสริมการลงทุนจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง มีจำนวนทั้งสิ้น 142 โครงการ คิดเป็นเงินลงทุนรวม 183,230 ล้านบาท หรือร้อยละ 67 ของเงินลงทุนทั้งหมดที่ขอรับการส่งเสริมเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 122 เทียบกับมูลค่า 77,069 ล้านบาท ในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน  แบ่งเป็นจังหวัดฉะเชิงเทรา 19 โครงการ จังหวัดชลบุรี  74 โครงการ และจังหวัดระยอง  49 โครงการ

ทั้งนี้ มูลค่าคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย คิดเป็นเงินลงทุนรวม  175,149 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในกลุ่มอุต์สาหกรรมใหม่ (New S-curve) มูลค่า 161,811 ล้านบาท จำแนกเป็นอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีมูลค่าการลงทุน 161,245 ล้านบาท และอุตสาหกรรมการแพทย์ อุตสาหกรรมอากาศยาน อุตสาหกรรมดิจิทัล ตามลำดับ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

ผู้สมัคร “ภูมิใจไทย” ประกาศชัยชนะ เลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5

28 ก.ย. – “จินณ์ตวรรณ” ผู้สมัครหมายเลข 2 จากพรรคภูมิใจไทย ประกาศชัยชนะ หลังทราบผลคะแนนเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 อย่างไม่เป็นทางการ นำคู่แข่งจากพรรคเพื่อไทย ขอบคุณประชาชนที่ไว้วางใจให้เข้าไปทำหน้าที่ สำหรับผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ณ เวลา 19.40 น. หมายเลข 1 ภูริกา สมหมาย พรรคเพื่อไทย ได้คะแนน 24,681 คะแนนหมายเลข 2 จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล พรรคภูมิใจไทย ได้คะแนน 31,653 คะแนน.-สำนักข่าวไทย

เร่งเคลียร์เศษวัสดุในหลุม คืนผิวจราจร 8 ต.ค.

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – แก้ถนนทรุดคืบหน้า จนท.ยุติการเทปูนแล้ว เร่งเคลียร์เศษวัสดุในหลุมออก เพื่อถมทรายผสมปูนอีก 5 เมตร คาดหากไม่มีอุปสรรคเพิ่ม จะคืนผิวจราจรได้อย่างน้อย 2 ช่องทาง 8 ต.ค.นี้.-สำนักข่าวไทย

“สีหศักดิ์” ย้ำจุดยืน ไทยยึดสันติภาพ โต้ถ้อยแถลงกัมพูชา

พรรคภูมิใจไทย 28 ก.ย. – “สีหศักดิ์” ย้ำจุดยืน ไทยยึดสันติภาพ โต้ถ้อยแถลงกัมพูชา มองโอกาสนำไทยสู่จอเรดาร์โลก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทางกลับจากการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีการพูดถึงถ้อยแถลงในที่ประชุม ประเด็นเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา รวมถึงบทบาทของไทยในเวทีสหประชาชาติ (ยูเอ็น) นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า การเดินทางเข้าร่วมการประชุม UNGA ในครั้งนี้ ต้องการให้ประเทศต่างๆ เห็นว่า การต่างประเทศของไทยกำลังขับเคลื่อนประเทศไทย และไทยจะมีบทบาทสำคัญในเวทีโลก ถึงแม้รัฐบาลชุดนี้จะอยู่แค่ 4 เดือน แต่จะใช้ช่วงเวลานี้ให้มีความหมาย สำหรับประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า เดิมทีจะใช้ถ้อยแถลงใน UNGA เพื่อบอกว่าไทยอยากเห็นแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ เพราะช่วงที่ผ่านมาก็มีการประชุมที่ประเทศมาเลเซีย ที่มีการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และการประชุมของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ทำให้เกิดข้อตกลงเรื่องการรักษาข้อตกลงหยุดยิง การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การถอนอาวุธหนัก และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เป้าหมายของไทยคือ การสร้างความปลอดภัยและนำความสงบมาสู่ชายแดน หากต่างฝ่ายต่างมีความจริงใจและมุ่งมั่นทำให้ข้อตกลงต่างๆ เป็นรูปธรรม ก็คิดว่าไทยจะดำเนินการเป็นขั้นตอนในการปรับความสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม นายปรัก สุคน […]

นายกฯ พร้อมแถลงนโยบาย 29-30 ก.ย. มองผลโพลเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ

พรรคภูมิใจไทย 28 ก.ย. – นายกฯ พร้อมแถลงนโยบาย 29-30 ก.ย. มองผลโพลเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ แต่ขณะเดียวกันก็กดดันความคาดหวังประชาชน ย้ำต้องทำงานหนักตอบแทน ไม่ให้กลายเป็นยาพิษ ยันยึดสันติแก้ชายแดน บอกไทยนี้รักสงบ แต่ถ้ารบก็ลองดู ลั่นที่ผ่านมาเห็นความอัปยศอดสู วันนี้จะไม่มีวันให้เกิดขึ้นกับประเทศไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ความพร้อมในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 29-30 ก.ย.นี้ว่า ร่างนโยบายได้ส่งให้ทุกฝ่ายศึกษาแล้ว พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) ตามรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีต้องลุกขึ้นอ่านนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาให้ได้รับทราบ ส่วนถามว่ามีความกังวลหรือไม่ด้วยระยะเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด นายอนุทิน กล่าวว่า จริงๆ แล้วเราไม่ได้เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ สำหรับพรรคภูมิใจไทยทำงานต่อเนื่องมากกว่า 6 ปีแล้ว เพิ่งไปพักร้อนช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้น สิ่งที่ยังทำค้างอยู่ในช่วง 2 เดือนที่หยุดไป คงไม่ถึงขั้นที่ต้องทำให้ยกเลิก สิ่งที่เราอยากจะทำอะไรไป เราสามารถสานต่อ และมีนโยบายใหม่ๆ ในฐานะที่เรามาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะสามารถใช้นโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจได้เพิ่มมากขึ้น หลายคนมีความคาดหวังกับรัฐบาลใหม่ และผลโพลหลายสำนัก คะแนนความนิยมในตัวนายกรัฐมนตรีเพิ่มสูงขึ้น จะสอดคล้องกับนโยบายและเป็นความคาดหวังให้กับประชาชนได้มากน้อยแค่ไหนนั้น […]