กทม. 25 ก.ค. – “ทรงฤทธิ์ โพนเงิน” ผู้เชี่ยวชาญประเทศลุ่มน้ำโขง ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ กรณีเหตุการณ์เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย ที่ สปป.ลาวแตก เปิดเผยว่ายังมีผู้สูญหายกว่า 200 คน ส่วนผู้เสียชีวิตจากการประเมินจากฝ่ายกู้ภัยของไทย พบแล้วประมาณ 70 ศพ ส่วนสัตว์เลี้ยงขนย้ายมาได้เฉพาะที่อยู่ใกล้เนิน นอกนั้นเสียหายทั้งหมด รวมทั้งพื้นที่การเกษตร เนื่องจากพื้นที่ถูกน้ำท่วมเป็นวงกว้าง คาดต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์ กว่าน้ำจะลด จับตามวลน้ำไหลลงแม่น้ำโขง
เนื่องจากน้ำจะไหลจากตะวันออกมาตะวันตก คือที่ตั้งของเขื่อนอยู่ด้านตะวันออกของ สปป.ลาว ส่วนตัวอ่างเก็บน้ำที่แตก เป็นอ่างที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เรียกว่า “เขตป่าสงวนแห่งชาติเซเปียน” ซึ่งเป็นพื้นที่สูง เพราะต้องปล่อยน้ำจากที่สูงลงสู่ข้างล่าง น้ำที่ปล่อยลงมาจะมาเชื่อมกับแม่น้ำสายหนึ่ง เรียกว่า “เซน้ำน้อย” และจะผลิตไฟฟ้ากันในจุดนี้ โดยอาศัยจากแรงน้ำที่สูงลงมา
แต่เนื่องจากเขื่อนดังกล่าวอาจคำนวณผิดพลาดเรื่องปริมาณน้ำ ประกอบกับเขื่อนยังสร้างไม่เสร็จ และยังมีรอยที่ยังไม่สนิทระหว่างสันเขื่อน พอน้ำล้น แรงน้ำดันลงมาเรื่อยๆ ทำให้ช่องว่างกว้างขึ้น น้ำจึงทะลักลงมา และท่วมอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน น้ำเซเปียน กับเซน้ำน้อย ล้นตลิ่งอยู่แล้ว จึงไหลจากแม่น้ำไปท่วมพื้นที่ของชาวบ้าน คือเมืองสนามไซ ห่างจากชายแดนช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี ประมาณ 150 กิโลเมตร
จากสถิติเขื่อนใน สปป.ลาวที่มีปัญหา มี 3 เขื่อน คือ เขื่อนน้ำอาว ซึ่งเป็นเขื่อนดิน แต่สร้างไม่เสร็จ เมื่อปีที่แล้วมวลน้ำทะลักท่วม แต่เนื่องจากพื้นที่ห่างไกลชุมชน ผลกระทบจึงไม่มาก อีกเขื่อนคือ เขื่อนเซกะหมาน ที่แขวงอัตตะปือ เป็นเขื่อนขนาดใหญ่ ลงทุนสร้างโดยเวียดนาม สร้างเสร็จแล้วแต่ไม่แข็งแรงพอ จึงไม่สามารถกักน้ำผลิตไฟฟ้าได้ โดยเมื่อปี 2009 มีพายุเกศนาพัดเข้า สปป.ลาว ทำให้มวลน้ำและท่อนซุงที่ตัดไว้ด้านบน ทะลักลงมาที่อ่างน้ำ สันเขื่อนชำรุด และล่าสุดปีนี้ คือ เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย ที่เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง
ผู้เชี่ยวชาญประเทศลุ่มน้ำโขง ยังบอกอีกว่า มาตรฐานการก่อสร้างเชื่อว่าได้มาตรฐาน แต่ที่ผิดพลาดคือการคำนวณปริมาณน้ำ ในขณะที่ยังสร้างเขื่อนไม่เสร็จก็เริ่มสะสมไว้ในอ่าง ประกอบกับครั้งนี้เจอพายุเซินติญ ทำให้มีมวลน้ำมหาศาลทะลัก เกิดผลกระทบรุนแรงเป็นวงกว้าง. – สำนักข่าวไทย