กรุงเทพฯ 22 ก.ค.-นายกฯ นำครม.ประชุมนอกสถานที่ลงพื้นที่อำนาจเจริญอุบลฯ 23 – 24 ก.ค.นี้ ตั้งเป้าพัฒนาให้สอดคล้องกับปัญหา เดินหน้าแก้จน กระจายความเจริญทุกมิติ
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 23 – 24 กรกฎาคมนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอขา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะนำคณะรัฐมนตรี(ครม.) ลงพื้นที่ตรวจราชการและประชุมครม.นอกสถานที่ที่จ.อำนาจเจริญและจ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มจังหวัดราชธานีเจริญศรีโสธร (อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร) โดยการตรวจราชการให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรอินทรีย์ การพัฒนาแพทย์แผนไทยที่มีมาตรฐานบูรณาการกับการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน การอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้เพื่อสร้างสมดุลธรรมชาติ การอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพ มุ่งไปสู่เป้าหมายการพัฒนากลุ่มจังหวัด คือ “อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปและเกษตรอินทรีย์เพิ่มมูลค่า การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ การค้าชายแดนได้มาตรฐานสากล”
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับสภาพปัญหาของพื้นที่ที่รัฐบาลเล็งเห็นว่าเป็นประเด็นสำคัญและต้องเร่งแก้ไข คือ รายได้ของประชาชนอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะจ.ยโสธร จ.ศรีสะเกษและจ.อำนาจเจริญติด 1 ใน 10 จังหวัดที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อหัวต่ำที่สุดของประเทศ มีความก้าวหน้าด้านการศึกษาน้อย เกิดภาวะน้ำท่วมน้ำแล้งซ้ำซากและมีปริมาณขยะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ครม.จะพิจารณาข้อเสนอแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของกลุ่มจังหวัด ได้แก่ 1. การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ทั้งทางถนน ทางอากาศ และทางราง เช่น ขยายช่องจราจร ขยายสนามบิน ศึกษาโครงการรถไฟทางคู่
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า 2. การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและแก้ปัญหาน้ำท่วม เช่น จัดทำแก้มลิง อาคารบังคับน้ำ ระบบส่งน้ำ 3. การยกระดับการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร เช่น ก่อสร้างโรงงานต้นแบบเพื่อแปรรูปสินค้าเกษตร ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ และอุตสาหกรรมชีวภาพครบวงจร 4. การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน เช่น พัฒนาศักยภาพการให้บริการของโรงพยาบาลศูนย์ สนับสนุนศูนย์การแพทย์แผนไทย และ5. การส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น พัฒนาเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยว พัฒนาช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี วิมานพญาแถน จ.ยโสธร และอ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน จ.อำนาจเจริญ เป็นต้น
“นายกฯ เน้นย้ำว่าการลงพื้นที่และประชุมครม.นอกสถานที่ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะติดตามรับฟังปัญหาและความเดือดร้อนโดยตรงจากประชาชน ขออย่ามองเป็นเรื่องการเมือง วันนี้ประเทศไทยต้องเดินหน้าต่อไปด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย