นครศรีธรรมราช 20 ก.ค.-เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ออกคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่พระสังฆาธิการ เจ้าอาวาสวัดเขาขุนพนม หลังชาวบ้านรวมตัวร้องเรียนหลายประเด็น
วันนี้ (20 ก.ค.61)ที่พระตำหนักสมเด็จพระสังฆราช ภายในวัดเขาขุนพนม ต.บ้านเกาะ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นตำหนักที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก (เจริญ สุวฑโน) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินธ์ เคยเสด็จมาประทับยังตำหนักแห่งนี้ หลังจากพุทธศาสนิกชนร่วมกันจัดสร้างถวาย ล่าสุดได้ปิดป้ายห้ามเข้า หลังจากมีหนังสือคำสั่งจากพระศรีธรรมประสาธน์ เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ของพระครูปิยะคุณาธาร จากพระสังฆาธิการและเจ้าอาวาสของวัดเขาขุนพนม พร้อมคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินวัดเขาขุนพนม ขึ้นเพื่อทำการตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดของวัด
โดยการเข้าปิดคำสั่งดังกล่าวนั้นหนึ่งในข้อร้องเรียนของพุทธศาสนิกชนคือพระครูปิยะคุณาธาร ได้ถือวิสาสะในการเป็นเจ้าอาวาสเข้าไปพำนักในตำหนักสมเด็จพระสังฆราช อย่างไม่เหมาะสม และประกอบอีก 7 ประเด็นคือ1.การบริหารการเงินไม่โปร่งใส 2 .มีอุบาสิกาคนหนึ่งเป็นผู้บริหารการเงินของวัด 3.ขายวัตถุมงคลของวัดที่จัดสร้างไว้แล้วไม่สามารถตรวจสอบเงิน และไม่นำเงินเข้าบัญชีวัด 4.เงินผ้าป่าไม่เข้าบัญชีวัดทั้งที่มียอดผ้าป่าหลายครั้งมีวงเงินสูง 5.ใช้อำนาจปลดกรรมการวัดโดยไม่ชอบธรรม 6.ขัดขวางการจัดทำทะเบียนทรัพย์สินของวัด 7.ใช้จ่ายเงินของมูลนิธิสินพนมพรหมคีรีพิทักษ์ธรรมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ขณะที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินของวัด ได้เข้าตรวจสอบเบื้องต้นนั้นพบว่าเงินในบัญชีมูลนิธิของวัดนั้นมีทุนเริ่มต้น 500,000 บาท คงเหลืออยู่ในบัญชีเพียง 39 บาท โดยไม่ทราบว่าเงินดังกล่าวนั้นถูกเบิกถอนไปใช้จ่ายการใดบ้าง ซึ่งยังไม่ปรากฏหลักฐาน ส่วนเงินของวัดคงเหลืออยู่ประมาณ 1 ล้าน 4 แสนบาท และยังไม่สามารถตรวจสอบบัญชีรายจ่ายใดๆได้ โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินอีกครั้งในวันที่ 22 ก.ค.นี้
ด้านพระครูปิยะคุณาธร ซึ่งยังคงพำนักอยู่ในกุฏิหลังหนึ่งในวัดระบุว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความพยายามในการเข้ามาจัดการผลประโยชน์ของวัดแล้วไม่สำเร็จเป็นการขัดผลประโยชน์จึงเกิดข้อร้องเรียนไปตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทางผู้ปกครองสงฆ์จึงต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนและยินดีที่จะให้คณะกรรมการกลางเข้ามาตรวจสอบและรับช่วงในการบริหารจัดการวัดแทน และยืนยันการใช้จ่ายเงินของวัดมีรายได้เพียงเดือนละ 8-9 หมื่นบาทเท่านั้นซึ่งหมดไปกับค่าไฟ้ฟ้าและค่าบริหารจัดการ
ขณะที่นายนิภา ฝั่งชลจิตต์ หนึ่งในผู้ร้องเรียนยืนยันว่าไม่ใช่เฉพาะการร้องไปยังคณะผู้ปกครองสงฆ์เท่านั้น ยังได้แจ้งความดำเนินคดีในฐานะเหรัญญิกมูลนิธิ ที่ไม่สามารถเข้าจัดการทางการเงินให้ถูกต้องได้ และเงินสดจำนวน 500,000 บาท ของมูลนิธิ กลายเป็นว่าเหลือเพียง 39 บาท ถูกเบิกจ่ายไปอย่างผิดขั้นตอนกฎหมาย ที่ควบคุมการบริหารจัดการมูลนิธิโดยไม่รู้ว่ามีการใช้จ่ายอะไร อย่างไรก็ตามชาวบ้านใกล้เคียงกับวัดตั้งข้อสังเกตว่าเงินที่ไหลเข้าวัดในรอบหลายปีที่ผ่านมามีเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีใครตรวจสอบได้ และไม่มีรายละเอียดการใช้จ่ายใดๆแจ้งให้ชาวบ้านทราบ ทำให้ชาวบ้านต่างเกิดข้อกังขาซึ่งหากมีการตรวจสอบและจัดการอย่างชัดเจนจะก่อให้เกิดศรัทธาที่ดีมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวสำหรับวัดเขาขุนพนม เป็นวัดโบราณที่เชื่อกันว่า เป็นสถานที่ที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มาสิ้นพระชนม์ที่นี่ โดยมีหลักฐานต่างๆ มากมายที่ทำให้มีความน่าเชื่อถือของคนในพื้นที่ และยังเชื่ออีกว่าพระองค์ทรงเป็นผู้สร้างวัดแห่งนี้ จนกระทั่งมีการสร้างอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชไว้ที่วัด และวัดเขาขุนพนมเป็นวัดที่ “เสก โลโซ” ศิลปินชื่อดังของเมืองไทยได้ยิงปืนขึ้นฟ้า 10 นัด จนเป็นคดีดังเมื่อปลายปีที่แล้วด้วย.-สำนักข่าวไทย