BIG STORY : คาดโทษไล่ออกครูสังกัด กทม.อนาจาร-ข่มขืนเด็ก

กรุงเทพฯ 20 ก.ค. – กทม.สั่งเร่งสรุปสำนวนคดีครูในสังกัดถูกกล่าวหาทำอนาจารเด็ก ตั้งแต่ปี 2556 และล่าสุดกระทำชำเราเด็กวัย 16 ปี คาดมีความผิดวินัยร้ายแรง โทษถึงขั้นไล่ออก ขณะที่แม่ค้าที่เคยพบเห็นครูคนนี้ ระบุไม่น่าเชื่อจะมีพฤติกรรมเช่นนี้ เพราะดูเป็นคนเรียบร้อย 


ทีมข่าวลงพื้นที่โรงเรียนสังกัด กทม. ย่านคลองเตย ต้นสังกัดของครูผู้ถูกกล่าวหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กวัย 16 ปี แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่อนุญาตให้ทีมข่าวเข้าไปบันทึกภาพ และล็อกประตูไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปภายในโรงเรียน


ขณะเดียวกัน ทีมข่าวพยายามสอบถามแม่ค้าในย่านนั้น ยอมรับทันทีที่ทราบข่าว รู้สึกตกใจ เพราะเคยพบเห็นครูคนนี้ โดยภายนอกดูเป็นคนเรียบร้อย ไม่คาดคิดว่าจะมีพฤติกรรมอย่างที่ถูกกล่าวหา ซึ่งตนเองก็ส่งลูกสาวเรียนที่นี่ แต่จบการศึกษาไปแล้ว 


ขณะที่สำนักงานเขตคลองเตย ครูผู้ถูกกล่าวหาไม่มาทำงาน และไร้เงาผู้ปกครองกับลูกสาววัย 16 ปี ซึ่งเดิมทีจะเข้าให้ปากคำกับคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง มีเพียงผู้อำนวยการฝ่ายสืบสวน องค์กรต่อต้านการค้ามนุษย์ มาชี้แจงกับคณะผู้บริหาร กทม. พร้อมยืนยันคดีนี้มีหลักฐานชี้ชัดว่า เด็กวัย 16 ปี ถูกข่มขืนกระทำชำเรา

ด้านผู้ว่าฯ กทม. กำชับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งสะสางคดีให้เร็วที่สุด เพราะทราบว่า ครูคนดังกล่าวถูกร้องเรียนถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสมตั้งแต่ปี 2556 และมาก่อเหตุซ้ำอีกในปีนี้ ยอมรับระบบราชการ การเอาผิดอาจล่าช้า ต้องเป็นไปตามขั้นตอน จึงสั่งให้เร่งสรุปสำนวนคดีเดิม ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ส่วนตัวคาดโทษเอาผิดทางวินัยร้ายแรง คือ ไล่ออกสถานเดียว

สำหรับประวัติของครูที่ก่อเหตุ พบบรรจุรับราชการครูในโรงเรียนย่านคลองเตย เมื่อปี 2548 มีพฤติกรรมทำอนาจารเด็กมาแล้วหลายครั้ง ถูกร้องเรียนเอาผิดตั้งแต่ปี 2556 เขตคลองเตยตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงในปี 2557 และปี 2560 สรุปว่าผิดวินัยไม่ร้ายแรง มีโทษแค่ลดขั้นเงินเดือน แต่คณะกรรมการข้าราชการ กทม.ไม่เห็นชอบ จึงตีกลับให้สอบสวนใหม่ ส่วนคดีล่าสุดข่มขืนกระทำชำเราเด็กวัย 16 ปี อยู่ระหว่างสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งได้ขอขยายเวลาในการรวบรวมข้อมูล พยานหลักฐาน คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวน พิจารณาโทษเอาผิดทางวินัย ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ เช่นเดียวกับคดีแรกที่ถูกร้องเรียน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง