ยธ.20 ก.ค.-รองปลัด ยธ.ตำหนิสื่อต่างชาติสัมภาษณ์พิเศษหมูป่า ขาดสามัญสำนึก เชื่อผู้ปกครองเด็กตั้งตัวไม่ทัน ชี้ควรประสานตามกติการ่วม ชมสื่อไทยอยู่ในกรอบ เคารพกฏหมายคุ้มครองเด็ก
นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษกกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) กล่าวถึงกรณีมีสื่อมวลชนต่างประเทศเดินทางไปสัมภาษณ์พิเศษเยาวชนทีมฟุตบอลหมูป่า ว่า เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่งเนื่องจากคำถามบางคำถามนั้น อาจกระตุ้นให้เด็กเกิดความกลัวซ้ำๆ โดยเฉพาะคำถามที่เกี่ยวกับการใช้ยาเพื่อนำเด็กออกมาจากถ้ำ ซึ่งคำถามลักษณะนี้จะทำให้เด็กย้อนกลับไปคิดถึงสถานการณ์ที่กดดันในวันนั้นและอาจพัฒนาให้เกิดโรคซึมเศร้าเรื้อรังได้ในอนาคต
อีกทั้งไม่ควรย้ำคำถามเกี่ยวกับการใช้ยาของแพทย์ในกรณีนี้ เนื่องจากได้รับการยกเว้นทางกฎหมายเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนที่กำหนดให้การจัดยาหรือเจาะของเหลวในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีต้องได้รับการอนุญาตจากผู้ปกครอง แต่ในกรณีนี้ถือเป็นข้อยกเว้น เพราะเป็นการช่วยชีวิต จึงขอตำหนิการทำงานของสื่อต่างชาติที่ละเมิดข้อตกลงและการขอความร่วมมือของทางการไทยในการให้พื้นที่ส่วนตัวกับหมูป่าและครอบครัว และขอชื่นชมการทำงานของสื่อมวลไทยที่เคารพกฎ กติกา และให้ความสำคัญกับกฎหมายคุ้มครองเด็กและจริยธรรมสื่อมวลชนอย่างเคร่งครัด จึงขอกราบสื่อไทยด้วยหัวใจ
รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวด้วยว่า แม้การเข้าสัมภาษณ์หมูป่าและครอบครัวครัวสื่อต่างชาติจะอ้างว่าได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ถูกต้องเพราะได้มีการแจ้งกฎกติกาการทำข่าวอย่างชัดเจน ให้กับสื่อไทยและต่างชาติชัดเจนแล้ว ซึ่งเรื่องนี้พ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กๆอาจยังตั้งตัวไม่ทัน แต่ต่อไปควรต้องแจ้งนายอำเภอเพื่อแจ้งตามลำดับชั้นตามที่เคยได้ตกลงกันไว้เมื่อมีสื่อมาขอสัมภาษณ์ที่บ้าน
ทั้งนี้ ในกระบวนการยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชน หากเด็กจำเป็นต้องมีการขึ้นศาล หรือสืบพยานเด็ก ต้องมีนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์เป็นผู้แปลคำถามในระหว่างชั้นสอบถามปากคำในกระบวนการก่อนพิจารณาพิพากษาของศาลและให้มีการบันทึกแถบเสียงและภาพไว้ด้วยนั้น ก็มุ่งเพื่อที่จะไม่ให้ มีการสอบปากคำซ้ำในกระบวนการยุติธรรมชั้นถัดไป โดยมีจุดมุ่งสำคัญเพื่อมิให้เปิดบาดแผลที่อยู่ในตะกอนใจของเด็กและเยาวชน เนื่องจากอยู่ในวัยที่เปราะบางและต้องได้รับการปกป้องรักษา รวมถึงในระหว่างสอบปากคำเด็กและเยาวชนยังได้บัญญัติให้เด็กสามารถร้องขอมีบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือบุคคลที่เด็กไว้ใจร่วมนั่งเป็นเพื่อนได้อยู่ด้วย เพื่อให้เด็กรู้สึกอบอุ่นและมีความปลอดภัย
“กระบวนการสอบถามหรือสัมภาษณ์ของสื่อมวลชน หรือบุคคลอื่นใดกับเด็กที่ประสบภัยพิบัติที่ผ่านประสบการณ์ที่ตกอยู่ในภาวะทุกข์ยากตื่นกลัวสุดขีดนั้น แม้ไม่มีกระบวนการหรือกฎหมายกำหนดไว้ชัดเจน เฉกเช่นเดียวกับเด็กหรือเยาวชนในกระบวนการยุติธรรมก็ตาม แต่ก็ควรจะเทียบเคียงเอาวิธีกระบวนการยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชนไปใช้ได้เท่าที่จำเป็นซึ่งที่ผ่านมาไทยก็สามารถดำเนินการได้เป็นอย่างดีและน่าชมเชย แต่น่าเสียดายที่สื่อต่างชาติ ที่เราคิดและเข้าใจว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก และกระบวนการปกป้องเด็กและเยาวชนเป็นอย่างดีแล้ว กลับมีมาตรฐานต่ำกว่าที่คิด เสมือนขาดสามัญสำนึก ซึ่งมนุษย์ธรรมดาธรรมดาพึงระลึกได้ รวมขาดความรับผิดชอบได้เช่นนี้ ทั้งที่รู้ว่าประเทศไทยได้วางระบบการปกป้องดูแลและคุ้มครองเด็กผู้ประสบภัยกลุ่มนี้ไว้อย่างไร”รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าว.-สำนักข่าวไทย