วสท.ถอดบทเรียนช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่าฯ

รามคำแหง 19 ก.ค.-ในเวทีเสวนาถอดบทเรียนช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่า กรมอุทยานฯ เตรียมประชุมหัวหน้าอุทยานทั่วประเทศศึกษาหาโพรงถ้ำหลวงเเละถ้ำทั่วประเทศกว่า 169 แห่ง เผยประสาน ผบ.ซีล ฝึกดำน้ำในถ้ำ ด้าน ปภ. กำหนดเเผนซักซ้อมกู้ภัยในถ้ำเพิ่มเติม ทุกหน่วยยอมรับกู้ภัยถ้ำหลวงเป็นภารกิจสุดโหด


วิศวกรรมสถานเเห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เปิดเวทีเสวนา “ถอดบทเรียนปฏิบัติการทางวิศวกรรมช่วย 13 หมูป่า..กู้ภัยระดับโลก เพื่อรวบรวมบทเรียนการกู้ภัยเเละการใช้นวัตกรรมทางวิศวกรรมในการกู้ภัยจากกรณีช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมี 13 ชีวิตที่ติดถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.เเม่สาย จ.เชียงราย

นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานเเห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า การช่วยชีวิต 13 หมูป่าอะคาเดมี เป็นภารกิจที่ค่อนข้างจะเสี่ยงต่อชีวิต สภาพการทำงานยากลำบาก เผชิญภาวะเครียด เเต่เพราะเจ้าหน้าที่มาจากทุกภาคส่วนกว่า 5,000 คน จาก 337 หน่วยงานร่วมใจกัน งานจึงประสบความสำเร็จ โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่กรมอุทยาน ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบดูแลเขตวนอุทยานถ้ำหลวง ที่มีพื้นที่ 5,000 ไร่ ซึ่งภาพรวมภารกิจหลักของกรมอุทยานคือการลดระดับน้ำที่จะต้องเร่งสูบน้ำภายในถ้ำ ซึ่งต้องใช้ความรู้ทางธรณีวิทยา ธรณีสัณฐานในการเชื่อมต่อน้ำในโพรงถ้ำ การเจาะน้ำบาดาลใต้โพรงถ้ำ รวมถึงการเบี่ยงทางน้ำ ย้ายลำห้วยเพื่อพร่องน้ำออก ซึ่งใช้เวลาดำเนินการ 7 วัน สามารถพร่องน้ำไปได้วันละกว่า 14,000 คิว


นอกจากนี้ยังมีการค้นหาโพรงหรือปล่องถ้ำด้านบน เพื่อสำรวจหาทางที่จะพาน้องออกมาให้ได้มากที่สุด และเป็นฝ่ายสนับสนุนทีมหน่วยซีล เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานมากขึ้น โดยหลังจบภารกิจ กรมอุทยานได้เบี่ยงลำห้วยกลับคืนสู่ธรรมชาติตามเดิม เพื่อคืนระบบนิเวศให้ถ้ำหลวง 

สำหรับสิ่งที่จะต้องดำเนินการต่อเพื่อหาบทเรียนที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาในอนาคต คือร่วมมือกับนักธรณีวิทยาเพื่ออสำรวจหาโพรงถ้ำที่สามารถเข้าถึงตัวถ้ำได้ ทั้งศึกษาเเละสำรวจถ้ำทั่วประเทศกว่า 169 แห่ง ซึ่งมีส่วนน้อยที่เป็นถ้ำตัน มีทางเข้าออกเพียงทางเดียว เเละในส่วนการกู้ภัยภายในถ้ำ ต่างชาติให้ข้อเปรียบเทียบว่าหากปีนเขา ถ้ำหลวงเปรียบเป็นเทือกเขาเอเวอร์เรส แต่ถ้าหากเป็นการดำน้ำ ถ้ำหลวงก็เป็นภารกิจที่โหดมาก โดยวันนี้ได้มีการประชุมหัวหน้าอุทยานทั่วประเทศเพื่อหารือ เเละศึกษากรณีถ้ำหลวง เพื่อเป็นแผนงานในการทำงานร่วมกันในอนาคตของทุกหน่วยงาน ไม่ใช่แค่แผนเฉพาะระดับกรมอุทยาน โดยได้พูดคุยกับ ผบ.ซีล ก็จะส่งไปหน่วยซีลไปฝึกดำน้ำในถ้ำเพิ่มเติม 

ขณะที่ในเชิงการท่องเที่ยวที่จะพัฒนาถ้ำเป็นสถานที่ท่องเที่ยว อาจจะต้องรอแผนการศึกษาและสำรวจเพิ่มเติมทำแผนผังให้ชัดเจนว่าสามารถเข้าไปถึงจุดใดได้บ้าง โดยอาศัยนักวิชาการในด้านต่างๆ เข้าให้ข้อมูล แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการยังคงระบบนิเวศให้สมบูรณ์ก่อน ซึ่งคาดว่าแผนการจะออกมาได้ในปลายปีนี้ ส่วนจะเริ่มการสำรวจได้ต้องหลังน้ำลดหรือหลังพ้นฤดูฝน


ด้านนายสมหมาย เตชวาล รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณีและนายกสมาคมธรณีวิทยาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กรมทรัพยากรธรณีรวบรวมข้อมูลเพื่อทำแผนที่ถ้ำ สำรวจสภาพถ้ำและภูมิประเทศบริเวณดังกล่าว

สำรวจ resistivity หาจุดตาน้ำ ตำแหน่งน้ำผุดและจุดระบายน้ำ ร่วมสำรวจโพรงถ้ำและหาแผนเจาะถ้ำในหลายวิธี และยอมรับว่าเป็นการกู้ภัยครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นักธรณีวิทยาเจอสภาพกดดัน ต้องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อสนับสนุนความรู้ให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติภารกิจภายในถ้ำ พร้อมกันนี้จะนำเหตุการณ์นี้ไปร่วมถอดบทเรียนร่วมกับกรมอุทยาน เพื่อป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ขณะที่นายกอบชัย บุญอรณะ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า การช่วยเหลือครั้งนี้มี 3 ภารกิจ ช่วยเหลือ กู้ภัย และฟื้นฟู ทาง ปภ. ทราบข่าวในช่วงเย็นวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมาก็เข้าพื้นที่และประกาศให้ถ้ำหลวงเป็นพื้นที่ประสบภัยและพื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลือ เอาโครงสร้างกฎหมายและการบริหารจัดการมาปฏิบัติการกู้ภัยเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานของทุกภาคส่วนให้ง่ายขึ้น รวมถึงช่วยรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน 

ขณะเดียวกันพบว่าภารกิจครั้งนี้มีความยุ่งยากทางเทคนิค ต้องอาศัยความรู้เชิงวิชาการที่ซับซ้อน จึงต้องประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำงานบูรณาการร่วมกันอย่างราบรื่น ซึ่งแผนการทำงานทุกวันจะเปลี่ยนไปเพราะเผชิญอุปสรรคที่แตกต่างกันไป ภารกิจที่ยากที่สุดคือการพาน้องกลับบ้านเพราะต้องหาวิธีที่ปลอดภัยที่สุดและการต่อสู้กับปริมาณน้ำ หลังกรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศว่าจะมีฝนตกหนัก ทั้งยังต้องควบคุมปริมาณออกซิเจนภายในถ้ำด้วย ขณะที่ในส่วนบทเรียนเรื่องการกู้ภัย เชือกภารกิจกู้ภัยบางอันไม่เหมาะกับสถานการณ์ ที่จะต้องมีการฝึกอบรมการกู้ภัยต่อไปในระดับสากล พร้อมรับทุกสถานการณ์ เพราะจากเดิมเน้นฝึกเกี่ยวกับการกู้ภัยตึกถล่ม

ด้านนายธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การช่วยเหลือด้านวิศวกรรมในการกู้ภัยครั้งนี้คือ การนำอุปกรณ์ที่หลากหลายทั้ง แอพพลิเคชั่น WMApp ตรวจสอบสภาพอากาศ, เครื่องวัดความร้อน, เครื่องวัดต้านทานไฟฟ้า เครื่องดันท่อซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงในการผันน้ำหรือสูบน้ำออกจากถ้ำได้อย่างต่อเนื่อง, เครื่อง 3D scaner ภาพถ่ายสามมิติในถ้ำ เป็นต้น โดยการถอดบทเรียนในเชิงวิศวกรรมนั้น ทำให้ทราบว่ามีผู้เชี่ยวชาญอยู่ที่ไหนบ้าง รวมถึงได้ศึกษาเทคโนโลยีระดับโลกเพื่อใช้เป็นพื้นฐานทางวิศวกรรม เพื่อรวบรวมเป็นหนังสือถอดบทเรียนให้ความรู้วิศวกรรมรุ่นหลังด้วย.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย