กรุงเทพฯ 12 ก.ค. – กระทรวงเกษตรและสหกรณ์วางแนวทางยกระดับราคายางพารา โดยให้กยท. แปรรูปน้ำยางดิบเพื่อให้เหมาะสมต่อการนำไปใช้ของผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรชาวสวนยางขายยางได้ในปริมาณที่มากขึ้นและราคาสูงขึ้น
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้ให้สำคัญกับการยกระดับราคายางพารา โดยขณะนี้ราคายางปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการใช้ของผู้ประกอบการภายในประเทศ ประกอบกับมีฝนตกชุกในพื้นที่ปลูกยางทำให้ปริมาณยางออกสู่ตลาดน้อยลง วันนี้ (12 ก.ค.2561) ราคายางแผ่นรมควันอยู่ที่กิโลกรัมละ 45.71 บาท แต่ราคาที่เหมาะสมควรไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 60 บาท
ทั้งนี้ ผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) รายงานว่า ได้จัดทำแนวทางยกระดับราคายางและสร้างเสถียรภาพราคายาง โดยให้กองจัดการโรงงาน 2 กยท. เขตภาคใต้ตอนกลางที่ ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราชเพิ่มกำลังการผลิตน้ำยางข้น จากเดิม 1,500 ตัน เป็น 2,500 ตันต่อเดือน ซึ่งจะสามารถรับซื้อน้ำยางสดจากเกษตรกรได้มากขึ้น ช่วยให้ขายน้ำยางสดได้ในราคาที่สูงขึ้นด้วย จากนั้นกยท. จะขายให้กับผู้ประกอบการที่ใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบ
นอกจากนี้ได้มอบหมายให้ กยท. ทุกจังหวัดสำรวจปริมาณยางแห้งทั้งแผ่นรมควัน ยางแท่ง หรือยางประเภทอื่นๆ ซึ่ง รวมถึงภาคเอกชนซื้อยางดิบจากเกษตรกรมาแปรรูปเพื่อรอการจำหน่าย โดยจะนำข้อมูลมาใช้บริหารจัดการเพื่อให้ราคายางภายในประเทศมีเสถียรภาพ
การดำเนินการทั้ง 2 แนวทางนี้ จะเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรชาวสวนยาง โดยจะสามารถขายยางผ่านตลาดกลาง ทั้ง 6 แห่ง และตลาดเครือข่ายของ กยท. ทั่วประเทศ ซึ่งทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวมทั้งกยท. มั่นใจว่า จะเกิดประโยชน์ต่อชาวสวนยาง โดยผู้ประกอบการที่มารับซื้อยางพาราสามารถเสนอราคารับซื้อยางผ่านตลาดกลาง ทั้ง 6 แห่งคือที่จังหวัดยะลา สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎ์ธานี บุรีรัมย์ และหนองคาย รวมถึงตลาดเครือข่ายของ กยท. ทั่วประเทศ การแข่งขันการด้านราคารับซื้อนี้จะส่งผลให้เกิดการผลักดันราคายางในตลาดให้เพิ่มขึ้น อีกทั้งสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจของประเทศด้วย. – สำนักข่าวไทย