จ.เชียงราย 11 ก.ค.-สำนักงานทรัพยากรน้ำฯ สรุปมาตรการระบายน้ำถ้ำหลวงหยุดทุกภารกิจ ทั้งทำฝายเบี่ยงทางน้ำ สูบน้ำบาดาลโดยรอบ ส่วนอุปกรณ์ของนานาชาติขนย้ายออกจากถ้ำหลวงเกือบร้อยเปอร์เซนต์ เหลืออีกประมาณร้อยละ 5 ต้องรอหลังหมดหน้าน้ำ พร้อมเตรียมถอดบทเรียนเพื่อใช้ในอนาคต
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) กล่าวภายหลังประชุมสรุปมาตรการการระบายน้ำถ้ำหลวง ร่วมกับ จ.เชียงราย , กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.), กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สาย จ.เชียงราย โดยย้ำเรื่องการดักน้ำ สูบน้ำออก ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ได้สั่งการให้หยุดทันทีหลังจบภารกิจ ทั้งการทำฝายเบี่ยงทางน้ำ 3 แห่ง ที่ผาหมีและผาฮี้ การสูบน้ำบาดาล ให้รื้อออกให้หมดทันที รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ขนขึ้นไปสำรวจตาน้ำโดยรอบถ้ำหลวง
ส่วนอุปกรณ์ที่ได้รับความช่วยเหลือจากนานาประเทศ รายงานล่าสุดขณะนี้ได้ขนย้ายออกจากถ้ำหลวงได้แล้วร้อยละ 95 ส่วนอีกร้อยละ5 อยู่ในถ้ำหลวง ส่วนใหญ่เป็นท่อและสลิง ต้องรอหลังหมดหน้าน้ำจึงจะขนย้ายออกมาได้ รวมทั้งน้ำที่สูบออกไปจากถ้ำระหว่างปฏิบัติงานวันละ 32,000 ลูกบาศก์เมตร ยืนยันจะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศภายในถ้ำ เพราะหน้าฝนในพื้นที่จะเหลืออีก 2-3 เดือนจะทดแทนน้ำที่สูบออกได้แน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุด ต้องฟื้นฟูถ้ำให้กลับมาเป็นสภาพเดิมให้เร็วที่สุด
ส่วนการช่วยเหลือเกษตรกรที่ให้พื้นที่รับน้ำจากถ้ำหลวง สำรวจพบแล้วประมาณ 1,000 ไร่ คิดเป็นเงินช่วยเหลือประมาณ 1.4 ล้านบาท ยืนยันจะจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้ รวมทั้งจะสนับสนุนเทคโนโลยีและปัจจัยการผลิตเพิ่มเติมด้วย
ส่วนบทเรียนที่ได้ในปฏิบัติการครั้งนี้ เลขาธิการ สทนช.กล่าวว่า ในเรื่องของน้ำมี 2 เรื่องหลักที่ได้บทเรียนกลับมาเพื่อใช้ในอนาคต 1.เรื่องทางเทคนิค กว่าจะหาทางน้ำ รวมถึงปริมาณน้ำที่หายไปจากถ้ำไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องนำวิธีการทางวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย 2.เรื่องกระบวนการในการกำหนดแนวทางที่จะนำน้ำออก นอกจากภาครัฐแล้ว ต้องอาศัยความร่วมมือจากเอกชน นักวิชาการ บุคคลในพื้นที่ บุคคลผู้มีความชำนาญเฉพาะด้าย และนานาชาติที่เชี่ยวชาญเพิ่มเติม หลังจากนี้หากมีเหตุการณ์ลักษณะใกล้เคียงเกิดขึ้นจะสามารถทราบบุคคล หน่วยงาน แนวทาง แผนงานที่จะแก้ไขได้ในอนาคตต่อไป.-สำนักข่าวไทย