ห่วงคนไทยตับพัง เหตุกินยาพาราเกินขนาด

จุฬาฯ22 ก.ย.-นักวิชาการ ห่วงคนไทยกินยาพาราเซตามอล แก้ปวด และ คีโตโคนาโซน รักษาเชื้อรา เกินขนาด ส่งผลให้ตับพัง ชี้ อย. ปรับสูตรให้ง่ายแก่การควบคุม พร้อมเผยข้อมูลปี 58 มีเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี กินยาพาราเซตามอลเกินขนาด มากถึง 70 คน

 

ในการแถลงข่าว “เตือนภัยยาที่มีพิษต่อตับ”ผศ.ภญ.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) กล่าวว่า ภาวะตับอักเสบทั้งชนิดเรื้อรังและชนิดเฉียบพลัน ส่วนใหญ่ นอกจากสาเหตุมาจากไวรัสตับอักเสบและการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว ยังมีสาเหตุมาจากการรับประทานยาเกินขนาด ทั้งพาราเซตามอล และคีโตโคนาโซน โดยได้เคยทำหนังสือถึง อย. ให้มีการทบทวนขนาดปริมาณที่จำหน่าย รวมถึงการปรับสูตรยาให้เหมาะสมกับการบริโภคเพื่อไม่ให้ก่ออันตราย โดยเสนอไปแล้วตั้งแต่ 2557

 

รศ.พญ.วัฒนา สุขีไพศาลเจริญ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า จากข้อมูลของศูนย์พิษวิทยา รพ.รามาธิบดี ในปี 2558 พบว่า มีผู้ได้รับผลกระทบจากปริมาณเกินขนาด จากยาพาราเซตามอล มากถึง 900 คน ในจำนวนนี้ 70 คน เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี มีการบริโภคยาพาราแบบน้ำสำหรับเด็กเกินขนาด โดยขนาดการบริโภคยาพาราที่เหมาะ ไม่ควรเกินวันละ 2 กรัม หรือ 4 เม็ด หรือคำนวณตามน้ำหนักตัว  คูณด้วย 10 มากสุดไม่เกิน 15 ก็จะได้ปริมาณที่เหมาะสม

 

ภก.ศิริพร จิตรประสิทธิศิริ ประธานชมรมเภสัชชนบท กล่าวห่วงปัญหายาพาราน้ำสำหรับเด็กที่มีหลายยี่ห้อหลายขนาดตั้งแต่ 120 มิลลิกรัมและ 250 มิลลิกรัม แต่พฤติกรรมการบริโภคยาน้ำในเด็ก กลับนิยมตามรสชาด ไม่ได้คำนึกถึงขนาดมิลลิกรัม ทำให้เด็กเล็กเสี่ยงได้รับยาเกินขนาดได้ง่าย อีกทั้งฉลากส่วนใหญ่กับมีตัวขนาดเล็ก เป็นภาษาอังกฤษ

 

ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล  ประธานคณะทำงานสร้างเสริมความเข้มแข็งภาคประชาชนด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผล กล่าวว่า ข้อเสนอในการจัด การกับยาพารา คือ 1.ยกเลิกทะเบียนยาพาราที่ไม่เหมาะสม ชนิดฉีด 300 มก.ต่อหลอด เนื่องจากออกฤทธิ์น้อย 2. ถอนทะเบียนยาพาราชนิดแตกตัวดูดซึมทันที (immediate release) ที่ไม่ใช่ยาขนาด 325 หรือ 500 มก.ต่อเม็ด โดยเฉพาะสูตร 650 มก. ต่อเม็ด 3.ปรับสูตรยาสูตรผสม ทั้ง แก้ปวดลดน้ำมูก หรือปวดเมื่อกล้ามเนื้อ ต้องให้มียาพาราฯเป็นส่วนประกอบไม่เกิน 350 มก.ต่อเม็ด 4.ปรับสูตรยาพาราฯ ชนิดหยด สำหรับเด็กให้มีขนาดเดียว เพื่อง่ายแก่การคำนวณตามน้ำหนัก ปลอดภัยสำหรับเด็ก

 

ส่วนการควบคุมยาคีโตโคนาโซน ควรให้มีการจ่ายยาในโรงพยาบาลระดับตติยภูมิเท่านั้น ห้ามจำหน่ายในร้ายขายยา และเปลี่ยนมาใช้ยาฟูโคนาโซนแทน .-สำนักข่าวไทย